โผล่อีกเคส นร.หารเลขผิด ครูฟาดขาช้ำ ล่าสุดโร่ขอโทษ

โผล่อีกเคส นร.หารเลขผิด ครูฟาดขาช้ำ ล่าสุดโร่ขอโทษ

โผล่อีกเคส นร.หารเลขผิด ครูฟาดขาช้ำ ล่าสุดโร่ขอโทษ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คนกระบี่แห่แชร์ภาพ เด็กนักเรียน ป.3 ถูกครูตีขาลาย เหตุเพราะหารเลขหลักพันผิด พมจ.ตรวจสอบ ล่าสุดจบด้วยดี คุณครูสาวขอโทษผู้ปกครองแล้ว

(28 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกออนไลน์ท้องถิ่น จ.กระบี่ ได้มีการแชร์ภาพของผู้ใช้เฟสบุ๊กรายหนึ่ง ที่มีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับหลานชายวัย 8 ขวบ เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ถูกครูโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ในอำเภออ่าวลึก จ.กระบี่ ลงโทษด้วยการตีที่ขาด้านหลังทั้ง 2 ข้าง เป็นแผลช้ำหลายแผล โดยมีสาเหตุเพราะหารเลขหลักพันผิด

หลังมีการโพสต์ภาพดังกล่าวก็มีการแชร์ภาพและข้อความออกไป พร้อมทั้งได้มีการแสดงความคิดเห็นตำหนิครูที่ลงโทษเด็กด้วยการตีทำให้อาจเกิดปัญหาทางจิตใจต่อเด็กได้ ซึ่งหลังมีการเผยแพร่ภาพดังกล่าวทาง ล่าสุดนี้ นายกิตติ อินทรกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.กระบี่ ได้เข้าตรวจสอบแล้ว

ขณะที่ทางด้านครูสาวที่ลงโทษเด็ก กล่าวว่า ไม่มีเจตนาที่จะทำรุนแรง รักนักเรียนทุกคนเหมือนลูก ที่ทำโทษเพื่อที่จะให้นักเรียนตั้งใจเรียน เนื่องจากเด็กพัฒนาการช้าด้านคณิตฯ ไม่ได้ทำโทษนักเรียนด้วยอารมณ์ส่วนตัว

โดยในวันเกิดเหตุก็ทำโทษทั้งหมด 4 คน นักเรียนรายนี้ถูกทำโทษเป็นคนสุดท้าย ไม่พบมีบาดแผลฟกช้ำแต่อย่างใด แต่พอทราบข่าวจากผู้ปกครองถึงบาดแผลของนักเรียนก็รู้สึกตกใจ และเดินทางเข้าพบพร้อมชี้แจง และกล่าวขอโทษต่อผู้ปกครองทันที

ทางด้านผู้ปกครอง กล่าวว่า ภายหลังได้พูดคุยกันทั้งสองฝ่ายก็รู้สึกดีและไม่ติดใจ และไม่คิดเอาผิดต่อครูสาว เนื่องจากไม่มีเจตนาทำรุนแรง แต่อยากฝากเป็นกรณีตัวอย่างถึงครูคนอื่นๆ ที่จะลงโทษเด็กลักษณะนี้ ให้ลองหาวิธีอื่นที่ดีกว่าการทำโทษโดยการตี และหาแนวทางการสอน วิธีที่จะจัดการกับนักเรียนที่พัฒนาการช้าเพื่อให้นักเรียนมีการตั้งใจเรียนที่ดีขึ้น

นายกิตติ อินทรกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.กระบี่ กล่าวว่า จากการพูดคุยกันทั้งสองฝ่าย เกิดการเข้าใจที่ดีขึ้น เด็กก็ไม่ได้มีอาการผวาหวาดกลัวแต่อย่างใด ยังบอกว่ารักครู แต่จะค่อนข้างกลัววิชาคณิตฯ เบื้องต้นเตรียมส่งตัวเด็กเข้ารพ.กระบี่เพื่อวัดไอคิว ส่วนแผลฟกช้ำพบว่าเกิดกับนักเรียนคนดังกล่าวเพียงคนเดียว

ส่วนนักเรียนคนอื่นๆ ไม่พบบาดแผลฟกช้ำแต่อย่างใด คาดเกิดจากผลของน้ำเหลืองเสียในร่างกาย เนื่องจากนักเรียนคนดังกล่าวตามร่างกายมักจะเกิดบาดแผลขึ้นโดยง่าย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook