DSI เตรียมรับคดีล่าช้างป่าสวมตั๋วรูปพรรณเป็นช้างบ้าน ให้เป็นคดีพิเศษ
DSI เตรียมรับคดีล่าช้างป่ามาสวมตั๋วรูปพรรณเป็นช้างบ้านเป็นคดีพิเศษแล้ว ด้านอธิบดีกรมอุทยานฯเผยให้ชุดพญาเสือแกะรอยขบวนการล่าช้างมานานข้ามปี เชื่อเป็นขบวนการใหญ่และมีอิทธิพลมาก พร้อมกำชับให้ทีมสัตวแพทย์เร่งตรวจ DNA.จากซากช้างที่ขุดพบเป็นการด่วน
เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมด้วย นายเฉลิมชัย ปาปะทา รองอธิบดีกรมอุทยานฯ และคณะได้ลงพื้นที่ หมู่บ้านช้าง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ติดตามปัญหาและร่วมตรวจสอบขบวนการล่าช้างป่าผืนป่าตะวันตกเพื่อสวมตั๋วรูปพรรณช้างกลายเป็นช้างบ้าน หลังได้รับรายงานความคืบหน้าในการติดตามคดีจาก นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดเฉพาะกิจพญาเสือ ในปฏิบัติการขุดหาซากช้างที่ลักลอบฝังทำลายซาก โดยเชื่อว่าเชื่อมโยงกับปัญหาการลักลอบสวมตั๋วรูปพรรณช้างบ้าน
โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับ นายภูวิช ยมหา ผู้อำนวยการส่วนแผนศูนย์สืบสวนอาชญากรรมพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI.) ช่วยราชการ ศอ.รมน.,พล.ต.ต ทรงธรรม อัลภาชน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7,สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง),สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี,ตำรวจภูธรภาค7,ฝ่ายปกครองหัวหิน,ปศุสัตว์,กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) ,ทหารศูนย์การทหารราบค่ายธนะรัชต์, หน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก, พิสูจน์หลักฐานภาค7 และทีมสัตวแพทย์กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช รวมกว่า 100 คน ลงพื้นที่เพื่อร่วมกันตรวจสอบซากช้างที่ขุดพบอยู่ภายในพื้นที่เช่าด้านหลังวัดเขาอิติสุคโต ที่อนุญาตให้นายประกอบ ชำนายกิจ เจ้าของหมู่บ้านช้าง เช่าพื้นที่เพื่อประกอบธุรกิจปางช้าง
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ขุดพบซากช้างแล้ว 5 ซากด้วยกัน โดยเป็นซากช้างขนาดใหญ่ 4 ซาก และลูกช้างอีก 1 ซาก ในจำนวนนี้พบซากช้าง 1 ซาก ที่ยังเน่าเปื่อยคาดว่าฝังมาได้ไม่ถึง 2ปี พบจีวรสีเหลืองที่คุมซากช้าง รวมถึงเศษหญ้าในกระเพาะอาหารก็ยังเน่าเปื่อยไม่หมด และมีกลิ่นคล้ายยาสลบ ซึ่งเชื่อมโยงกับข้อมูล ที่ชุดพญาเสือสืบทราบมาก่อนหน้านี้ว่า มีการล่าช้างป่าด้วยการยิงยาสลบมาเพื่อรอขั้นตอนการสวมตั๋ว แต่ช้างอาจจะเสียชีวิตก่อน
นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้แถลงข่าวภายหลังการตรวจสอบว่า สำหรับปฏิบัติการในครั้งนี้ได้มอบหมายให้ชุดพญาเสือแกะรอยและติดตามคดีอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา โดยได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจนสามารถตรวจยึดช้างของกลางในพื้นที่ อ.หัวหิน และพื้นที่ อ.ดำเนินสะดวก ได้จำนวน 6 ตัว ได้แก่ พลายบุญ, พังสมศรี, พลายมอส, พลายบัวบาน,พังสมหญิง และลูกช้างพลายธันวา ซึ่งช้างทั้งหมดเป็นของนายประกอบ ชำนาญกิจ ที่พบว่าเอกสารตั๋วรูปพรรณช้างไม่ตรงกับ DNA.ของช้างที่ตรวจยึดได้ เอกสารที่นำมาแสดงบางฉบับไม่ถูกต้องมีการขีดทำลาย โดยได้แจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว 4 ครั้ง
กระทั่งวันที่ 15 ธันวาคม 2559 หน่วยเฉพาะกิจพญาเสือได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีการนำช้างป่าที่ล่ามาจากผืนป่าตะวันตกมาสวมตั๋วรูปพรรณกลายเป็นช้างบ้าน มีการชำแหละอวัยวะ งา เพื่อจำหน่าย และมีการฝังซากช้างไว้ภายในที่ดินของวัดเขาอิติสุคโต จึงได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามเรื่องร้องเรียนดังกล่าว เมื่อทำการขุดก็พบซากช้างแล้ว 5 ซาก โดยที่ผ่านมาไม่มีการแจ้งนายทะเบียนท้องที่ว่ามีช้างตายแต่อย่างใด
โดยหลังจากนี้จะมีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อเร่งคลี่คลายคดี ซึ่งจากพยานหลักฐานที่พบน่าจะมีการกระทำความผิดในการนำช้างมาสวมตั๋วรูปพรรณ แต่ต้องรอผลการตรวจสอบรหัสพันธุกรรม หรือ DNA.ช้าง มาตรวจสอบร่วมด้วย และได้มอบหมายให้ ส.พญ.กนกวรรณ ตรุยานนท์ สัตวแพทย์ประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เร่งตรวจ DNA.จากซากช้างที่ขุดพบทั้งหมดโดยเร็วที่สุด เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาในการตรวจสอบ ราว 2 สับดาห์
นายภูวิช ยมหา ผู้อำนวยการส่วนแผนศูนย์สืบสวนอาชญากรรมพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI.) เปิดเผยว่า จากหลักฐานที่พบขณะนี้ ตนเตรียมรวบรวมข้อมูลส่งกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ ซึ่งเข้าข่าย และจะใช้ปัญหาของพื้นที่หัวหิน เป็นกรณีศึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาและตรวจสอบปัญหาการสวมตั๋วรูปพรรณช้างทั่วประเทศต่อไป