สุเทพ รับหมดปัญญาจับ แม้ว รับโทษ! พท.ปูดบิ๊กทหารทุ่ม2พันล.ล้างสมองเสื้อแดง

สุเทพ รับหมดปัญญาจับ แม้ว รับโทษ! พท.ปูดบิ๊กทหารทุ่ม2พันล.ล้างสมองเสื้อแดง

สุเทพ รับหมดปัญญาจับ แม้ว รับโทษ! พท.ปูดบิ๊กทหารทุ่ม2พันล.ล้างสมองเสื้อแดง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เพื่อไทย ปูดบิ๊กทหารวางแผนใช้งบลับ 2 พันล. ล้างสมอง เสื้อแดง สุเทพ ย้ำหมดปัญญาลากตัวมารับโทษ ปชป.ชี้ชักใยป่วน 5 แนวทาง ทักษิณ เล็งโฟนอินโต้อยากเป็นปธน. จตุพร ห้ามปูดเบาะแสที่อยู่นาย หวั่นถูกลอบสังหาร ม็อบเชียงรายเฝ้าบ้าน ยงยุทธ ขวางตร.ค้นหลักฐาน ชิปปิ้งหมู

สุเทพ เลิกว่า แม้ว อยากเป็นปธน.

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประกาศยุติการพูดจากล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เรื่องที่มีความเชื่ออดีตนายกฯ อยากกลับมาเป็นประธานาธิบดี จนกลายเป็นคดีแจ้งความเอาผิดกันไปแล้ว โดยกล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ความจริงได้พูดตอบโต้คำพูดพ .ต.ท.ทักษิณ ที่กล่าวหาว่ารัฐบาลเป็นรัฐบาลเสือหิวเสือโหยหรือบ้านเมืองเป็นกลียุคมากกว่า ซึ่งคิดว่าจะจบแค่นั้น แต่เมื่อมีการตั้งกระทู้ถาม ก็เอาข้อมูลมาชี้แจง จะไม่ขอพูดถึงเนื้อหาแล้ว เมื่อข้อกล่าวหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก็ต้องสอบสวนและดำเนินคดีกันไป ไม่ได้รู้สึกหนักใจ เพราะสู้มาเยอะแล้ว ให้ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน โดยจะไม่พูดเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีก

ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องที่ยืนยันหนักแน่นว่าพ.ต.ท.ทักษิณ พูดจาล่อแหลมว่าจะกลับมาเป็นประธานาธิบดี ในการตอบกระทู้ในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายสุเทพ กล่าวว่า "ผมยืนยันในสิ่งที่ได้พูดในสภา ส่วนเรื่องการต่อสู้ทางคดีก็ว่าก็ไป ผมว่าเชื่อกระบวนการยุติธรรมได้"

ย้ำหมดปัญญาลากตัวมารับโทษ

นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีปัญหาหากจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกรณีนี้ อย่างเมื่อก่อนอภิปรายนายโภคิน พลกุล ในสภาฯ เรื่องการลดค่าเงินก็มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายหลายพันล้านบาท ก็มีการต่อสู้คดีกัน 3 ศาล สุดท้ายศาลก็มีคำพิพากษาให้ชนะ เมื่อถามว่า ครั้งนี้ก็คิดว่าจะชนะเหมือนคดีของนายโภคินหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า มั่นใจ เพราะสิ่งที่พูดในสภาฯ ก็เป็นอย่างนั้น

รองนายกฯ กล่าวอีกครั้งว่า ไม่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ไทยจะมีขีดความสามารถพอที่จะตามจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต้องคำสั่งศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจำคุก 2 ปี จากคดีซื้อ-ขายที่ดินรัชดาภิเษก เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่คนเหนือคำพิพากษาธรรมดา เพราะเป็นมหาเศรษฐี ตำรวจจะซื้อตั๋วเครื่องบินหรือตั๋วรถไฟไปไล่จับ ก็คงไม่ได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปเที่ยวบินเช่าเหมาลำ และรัฐบาลคงไม่ทุ่มเทงบประมาณไปไล่ล่า พ.ต.ท.ทักษิณในต่างประเทศ

สำหรับการของการขอความร่วมมือจากต่างประเทศนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นดุลพินิจของรัฐบาลประเทศนั้นๆ เมื่อถามว่าปัญหานี้เขย่ารัฐบาลมาโดยตลอด นายสุเทพ กล่าวว่า "จ้อแจ้ไปเรื่อยๆ ชี้แจงกับประชาชนไปเรื่อยๆ ผมเชื่อว่าในระยะยาวประชาชนจะเข้าใจ และเห็นความตั้งใจรัฐบาล ที่จะแก้ไขปัญหา ซึ่งถ้ามีความคืบหน้าต่างๆก็จะมาชี้แจงให้ฟังเป็นระยะๆ"

โบ้ยถามโฆษกหน.ปมแบล็กลิสต์

นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแสข่าวหลายประเทศขึ้นบัญชีดำห้ามพ.ต.ท.ทักษิณเข้าประเทศ ต้องไปถามนายเทพไท เสนพงษ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นคนพูดเรื่องนี้ ส่วนหน่วยงานทางด้านความมั่นคงยังไม่รายงานเรื่องนี้ แต่ประเทศต่างๆ ก็มีกติกาการเข้าออกแต่ละประเทศอยู่แล้ว ส่วนความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น รัฐบาลคงไม่จับตาเป็นพิเศษ เพราะมีเรื่องอื่นๆ อีกมากมายที่จะต้องทำ

นายเทพไท กล่าวว่า ต้องจับตามองว่า จะมีประเทศต่างๆ เปิดแบล็คลิสต์กับพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณไม่ยอมยุติบทบาททางการเมืองตามที่ได้ประกาศเอาไว้หรือไม่ ยังคงใช้ฐานในประเทศต่างๆ เพื่อโจมตีรัฐบาลและสถาบันของไทย ซึ่งต่างประเทศรับไม่ได้ ดังนั้น คำพูดที่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณไม่มีแผ่นดินจะอยู่ คงจะจริง และการที่พ.ต.ท.ทักษิณประกาศว่าจะสู้แม้จะอยู่ในสวรรค์หรือในนรก ไม่ทราบว่าสวรรค์หรือนรกจะยอมรับพ.ต.ท.ทักษิณอยู่หรือไม่

ชี้"แม้ว"โยงใยเคลื่อนไหว5แนวทาง

นพ.บุรณชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ที่ประชุมคณะกรรมการปฏิบัติการด้านการเมือง (วอร์รูม) ที่มีนายชำนิ ศักดิเศรษฐ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน ประเมิณสถานการณ์แนวโน้มความขัดแย้งทางการเมือง ของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเห็นว่า เป็นการดำเนินการ 5 แนวทาง คือ 1.การให้เงินสนับสนุนการดำเนินการทางการเมืองภายในประเทศไทย 2.การระบุชัดว่าพรรคเพื่อไทยได้ยึดโยงโดยตรงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านพี่น้อง 4 คนที่ดูแลแต่ละภาค 3.การระบุชัดว่าเครือข่ายพลังประชาชน ที่พรรคเพื่อไทยและพ.ต.ท.ทักษิณสนับสนุน คือกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่มีการปราศัยพาดพิงหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และสถาบันที่อยู่นอกการเมือง ดังนั้น หาก พ.ต.ท.ทักษิณยังสนับสนุน ก็จะต้องรับผิดชอบด้วย 4.การใช้เครือข่ายสื่อเช่น สถานีโทรทัศน์ ดีทีวีและวิทยุชุมชน ปลุกระดมสร้างความแยกแตกเพื่อล้มรัฐบาล และ5.การประสานงานเครือข่ายข้ามชาติ โดยการจ้างบริษัทล๊อบบี้ยีสต์ในช่วง ปี2550-25511 โดยได้รับข้อมูลสาธารณะของสหรัฐฯ ยืนยันว่า ในปี 2550 ช่วงครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลัง มีการว่าจ้างบริษัทล๊อบบี้ยีสต์ Barbour Griffitr & Rogers,LLC d/b/a BGR Holding ให้ดำเนินการล็อบบี้ต่อสภาความมั่นคงสหรัฐฯ โดยว่าจ้างในช่วงครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลัง ช่วงละ 4.6 แสนเหรียญสหรัฐฯ

ตั้งข้อสงสัยเรื่อง"ล็อบบี้ยิสต์"ไปเรื่อย

นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกจำกัดการเดินทางไปยังประเทศที่ 3 โดยนอกจากประเทศญี่ปุ่นที่ออกมายืนยันแล้วว่า บุคคลใดที่ต้องโทษเกิน 1 คดี หรือ 1 ปีนั้น จะไม่ได้รับการอนุญาตให้เข้าประเทศโดยอัตโนมัติ ส่วนประเทศจีน ตามปกติผู้ที่จะเข้าประเทศจีนสามารถขอวีซ่าผ่านสถานทูตจากประเทศใดก็ได้ แต่มีรายงานข่าวที่ยืนยันได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจำเป็นต้องได้รับการพิจารณาโดยตรงจากกรุงปักกิ่ง และได้รับการยืนยันจากพ.ต.ท.ทักษิณว่า จะไม่ใช้ แผ่นดินจีนรวมถึงมาเก๊า ในการแทรกแซงกิจการภายในทางด้านการเมืองของประเทศไทย

นพ.บุรณัชย์ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะโฟนอินเข้ามาในประเทศไทย ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งตามข่าวจะมีผู้จัดรายการหรือ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่จะเดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณที่มาเก๊า หากมีการสนับสนุนด้านการเงินให้กับกลุ่มที่ดำเนินการทางการเมืองภายในประเทศไทย ก็อยากถามว่า ช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ในประเทศสหรัฐฯ ระหว่างการทำรัฐประหารในปี 2549 หากมีการให้เงินสนับสนุนจริง อาจเข้าข่ายการละเมิดกฎหมายว่าด้วยความเป็นกลางของการดำเนินงานจากพื้นแผ่นดินสหรัฐฯ โดยบุคคคลไม่ว่าจะเป็นคนของสหรัฐฯ หรือต่างชาติ ซึ่งเป็นข้อสงสัยหนึ่งนอกจากการว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยีสต์ ว่ามีการให้เงินสนับสนุนกิจกรรมทางการเมืองภายในประทศไทย ในขณะที่พำนักอยู่ในสหรัฐฯ หรือไม่

เตรียมเค้นถามทูตมะกัน10กพ.

"ในวันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 10.00 น. เอกอัคราชทูตสหรัฐฯ ทางด้านการเมือง จะเข้าพบ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และผม ที่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจะมีการสอบถามถึงข้อเท็จจริงในช่วงปี 2550-2551 ว่าสหรัฐฯ ได้ดำเนินการในเชิงของสาระอย่างไร โดยหลังจากการแถลงข่าวครั้งนี้ ผมจะหารือกับนายชวนอีกครั้ง" นพ.บุรณัชย์ กล่าว

ผู้สื่อถามว่า ขณะนี้พ.ต.ท.ทักษิณสามารถเดินทางเข้าประเทศสหรัฐฯ ได้หรือไม่ นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ไม่มีข้อมูล จนกว่าจะมีการขอวีซ่าเข้าสหรัฐฯ แต่สหรัฐฯ ก็มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณา เช่น กฎหมายการเข้าเมือง ที่นอกจากจะห้ามผู้มีคดีอาญาเข้าประเทศแล้ว ยังรวมถึงผู้มีคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับจริยธรรมด้วย นอกจากนี้ ยังห้ามผู้ที่มีเงื่อนไขเกี่ยวกับการให้การสนับสนุนด้านทรัพยากรแก่สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่สามด้วย

"แม้ว"เล็งโฟนอินโต้อยากเป็นปธน.

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยและผู้ดำเนินรายการทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมดีสเตชั่น เปิดเผยว่า ได้ประสานกับพ.ต.ท.ทักษิณเพื่อให้โฟนอินชี้แจงข้อกล่าวหาต้องการกลับมาเป็นประธานาธิบดีของของนายสุเทพ โดยพ.ต.ท.ทักษิณได้ตอบรับว่าจะร่วมโฟนอินแล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะร่วมโฟนอินในงาน "วันแห่งความรักประชาธิปไตย" ที่วัดเวฬุวนาราม (วัดไผ่เขียว) วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หรือโฟนอินในรายการทางดีสเตชั่น ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้

"พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินมาชี้แจงเรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะเป็นการใส่ร้าย 100 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับที่นายสุเทพเคยใส่ร้ายว่า มีการขนเงินใส่กระเป๋าเดินทางผ่านสนามบินจำนวนหมื่นล้าน เพื่อช่วยพรรคพลังประชาชนเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เช่นเดียวกับกรณีนี้ ที่นายสุเทพกล่าวหาด้วยสมมุติฐานที่เลวที่สุด แต่สิ่งนี้ก็จะเป็นหลักฐานที่มัดตัวนายสุเทพ ในการดำเนินการทางกระบวนการยุติธรรมต่อไป" นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวว่า การที่นายสุเทพทำเช่นนี้แสดงให้เห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ตกอยู่ในมุมอับ และทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกชิงชังมากขึ้นในการที่ใช้สถาบันเพราะมหากษัตริย์เป็นเครื่องมือรักษาอำนาจของตนเอง ฉะนั้นวันนี้คงจะถึงคราวรัฐบาลชุดนี้แล้ว

ห้ามพท.ปูดเบาะแสที่อยู่ "แม้ว"

นายจตุพร กล่าวว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยทุกคนสามารถโทรศัพท์สายตรงหาพ.ต.ท.ทักษิณได้ตลอด แต่อยากเตือนว่า ควรจะระมัดระวังเรื่องการเปิดเผยสถานที่พำนักของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย เนื่องจากขณะนี้ยังมีการบวนการลอบทำสังหารพ.ต.ท.ทักษิณอยู่

นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส.ส.ภาคกลางได้หารือเบื้องต้นว่า จะทยอยเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณเช่นเดียวกันกับส.ส.อีสาน โดยมีนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ในฐานะประธานภาคกลางบอกว่า จะพาไปพบผู้ใหญ่ ส่วนตัวจะขออาสาประสานงานระหว่างกลุ่ม ส.ส.ภาคกลาง เพราะเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง จึงอยากไปพบเพื่อพูดคุยนำมาเป็นฐานความคิดในการพัฒนาแก้ไขปัญหาต่อไปได้ เช่น ปัญหาเศรษฐกิจเมื่อปี2544 ประเทศไทยยังติดหนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอฟเอฟ) ก็เป็นอดีตนายกฯที่เข้ามาแก้ปัญหาจนช่วยใช้หนี้ก่อนกำหนด ทั้งนี้กลุ่มส.ส.ภาคกลางจะเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ เร็วๆนี้ ในประเทศหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆประเทศไทย

ตั้งคำถามบิ๊กทหารโครงการงบลับ

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ คณะทำงานฝ่ายการเมืองพรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค และนางฐิติมา ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา ร่วมแถล ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย อาคารบีบีดี บิวดิ้ง กรณีนายสุเทพตั้งข้อกล่าวหาพ.ต.ท.ทักษิณว่าตั้งใจจะกลับมายังประเทศไทยเพื่อดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีว่า การกล่าวเช่นนั้นเป็นการกล่าวหาที่ฉกาจฉกรรจ์ว่า ไม่มีความจงรักภัดดีต่อสถาบันเบื้องสูง ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีการดำเนินการหลายๆด้าน อาทิ ทางกฎหมาย และในสภาผู้แทนราษฎรและด้านอื่นๆ

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า มีข้อมูลสำคัญที่จะขอตั้งคำถามไปยังรัฐบาลชุดนี้ และนายทหารใหญ่บางนาย เพราะมีเอกสารเป็นสำเนาเพาเวอร์พอยต์ ในการประชุมฝ่ายยุทธการศูนย์ปฎิบัติการกองทัพบก ซึ่งประชุมเมื่อต้นปี 2552 โดยมีการสรุปเนื้อหาสาระ โครงการใช้งบลับรัฐบาล วัตถุประสงค์ของโครงการมี 4 ข้อหลักๆ ดังนี้ 1.ปกป้องและเทิดทูนให้มีความมั่นคงในการเป็นศูนย์รวมจิตใจและความสามัคคี 2.ช่วยเหลือและยกระดับคุณภาพชีวิตโดยการนำโครงการอันเนื่องจากการพระราชดำริเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อน 3.สร้างความเข้าใจ ความสามัคคี ความสามนฉันท์ ของประชาชนในชาติโดยใช้แนวทางสันติวิธี และ4.สร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนมีความปลอดภัยจากภัยความมั่นคงในรูปแบบต่างๆ

ปูดใช้2พันล.ล้างสมองเสื้อแดง

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า โครงการในลักษณะนี้เป็นการสร้างความสามัคคี ไม่น่ามีเหตุผลใด ที่รัฐบาลจะดำเนินการโดยทางลับ หรือเป็นการประชุมกันเฉพาะกำลังพลของกองทัพ เพราะเรื่องนี้เป็นเหตุผลความจงรักภักดี และเป็นการปกป้องจิตวิญญาณเบื้องสูงที่อยู่ในจิตใจของคนไทย ดังนั้นโครงการนี้น่าจะเปิดเผยตรงไปตรงมา และให้ประชาชนมีส่วนร่วมเช่นเดียวกับโครงการ 116 วัน จากวันแม่ถึงวันพ่อในรัฐบาลสมัยนายสมัคร สุนทรเวช

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ภารกิจในการดำเนินการของกำลังพลในกองทัพ ได้มีการจัดกำลังพลในทุกเหล่าทัพ รวมไปถึงกอ.รมน.ด้วย นอกจากนี้ที่สำคัญมีรายงานในบันทึกแนบท้ายการประชุมว่ากลุ่มเป้าหมายหลัก คือกลุ่มคนเสื้อแดง และกลุ่มคนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย และพ.ต.ท.ทักษิณ ฉะนั้นในกรณีนี้หมายความว่ารัฐบาบชุดนี้จับมือกับผู้บังคับบัญชาเหล่าทัพ โดยมีการกำหนดเป้าหมายเฉพาะกลุ่มบุคคลที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองกับรัฐบาลเท่านั้น โครงการดังกล่าวใช้งบประมาณเป็นจำนวนมากเกือบ 2,000 ล้านบาท โดยมีจำนวนหมู่บ้านที่เข้าร่วม 74,474 หมู่บ้าน ใช้งบปฎิบัติการหมู่บ้านละ 15,000 บาท และในระดับชุมชนจำนวน 1,856 ชุมชน ใช้งบปฎิบติการชุมชนละ40,000 บาท

เชื่อแผนทหาร-รบ.กำจัดฝ่ายตรงข้าม

"มีคำถามๆรัฐบาล นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่าถ้าทำโครงการนี้โดยบริสุทธิ์ใจทำไมต้องปิดลับ และต้องโฟกัสเป้าหมายที่กลุ่มคนเสื้อแดง จากข้อมูลทั้งหมดที่ปรากฎในเอกสารทำให้ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ จับมือนายทหารผู้บัญชาการเหล่าทัพบางคนกำจัดฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล โดยอ้างอิงสถาบันเบื้องสูง เพราะถ้าบริสุทธิ์ใจจริงต้องเปิดเผยและทำกับคนทุกกลุ่มทั่วประเทศไม่ใช่มุบมิบทำ" นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า จากเอกสารพบว่ากรอบการทำงานขั้นที่ 1 ของโครงการดังกล่าว อยู่ในช่วงเดือนมกราคม 2552 ขั้นที่ 2 อยู่ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนพฤษภาคม 2552 ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตุว่าตารางเวลาการดำเนินโครงการน่าสนใจมีส่วนสัมพันธกับกรณีที่นายสุเทพ ออกมาพูดเรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณ มีความต้องการเป็นประธานาธิบดี และได้สอบถามพี่น้องเสื้อแดง ในส่วนภูมิภาค โดยเฉพาะภาคเหนือ และภาคอีสาน ทราบว่า กองกำลังของเหล่าทัพ และกอ.รมน. ได้ลงพื้นที่ไปพบปะพูดคุยกับประชาชน ซึ่งตนเข้าใจว่าคือภารกิจนี้ใช่หรือไม่ ตนหวังว่าคำถามทั้งหมดจะได้รับคำตอบจากผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว

ท้าทูต 2 ประเทศเผยแบล็กลิสต์

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แถลงว่า ตามที่นายเทพไท ให้สัมภาษณ์ว่า ประเทศจีนและญี่ปุ่นขึ้นบัญชีดำห้าม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าประเทศนั้น ขอเรียกร้องให้สถานทูตทั้ง 2 ประเทศ ที่ประจำอยู่ในประเทศไทย ออกมายืนยันข้อเท็จจริง เพราะการออกมาพูดแบบนี้ไม่สร้างสรรค์ อาจสร้างความแตกแยกระหว่างคนไทยกับประชาชนของ 2 ประเทศนั้นได้ เพราะขณะนี้ยังมีชาวบ้านรักและชื่นชมในตัวพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่มาก ซึ่งเป็นกลุ่มที่ให้การสนับสนุนมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทยจำนวนกว่า 10 ล้านคน ชาวบ้านกลุ่มนี้อาจเลิกใช้สินค้าที่ผลิตจากญี่ปุ่น-จีน หันไปใช้สินค้าของเกาหลีแทนก็ได้ นายเทพไท เป็นถึงโฆษกส่วนตัว ฉะนั้นการแถลงข่าวใดๆถือว่า เป็นในนามตัวแทนของนายกฯ จะพูดเอามันไม่สร้างสรรค์ก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างนี้ไม่ได้

"แม้ว"อยู่ฮ่องกงจะไปพบ 7 - 8 กพ.นี้

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับกระแสข่าวที่ว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เกาะกงแบบหลบๆซ่อนๆนั้น ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้หลบๆซ่อนๆเข้ามาที่เกาะกง เพราะคนอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ จะไปไหนมาไหนก็ได้ แต่ตนพร้อมด้วยนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และส.ส.อีกคนในกลุ่ม จะไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ฮ่องกงในวันที่ 7-8 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน ดังนั้นหากทางการจีนห้ามพ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศตามที่นายเทพไท บอกจริง ทำไมถึงเข้าฮ่องกงได้ แต่การไปครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินอย่างที่มีบางคนพยายามให้ข่าว แต่พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเหมือนนายพวกตนในอดีต เป็นญาติผู้ใหญ่กำลังเดือดร้อน ลูกหลานก็อยากไปถามสารทุกข์สุขดิบ ไปพูดคุย

เสื้อแดงชร.เฝ้ายามบ้านยงยุทธ

น.ส.จีรนันท์ จันทวงศ์ นำกลุ่มเสื้อแดงจ.เชียงรายประมาณ 20 คน ไปเฝ้าประตูหน้าบ้าน และตรวจสอบรถเข้า-ออก บ้านเลขที่ 81 หมู่บ้านดง หมู่ 7 ต.สันทราย อ.เมือง จ.เชียงราย ของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน(พปช.) ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและเป็นสำนักงานของ น.ส.ละออง ติยะไพรัช ส.ส.เชียงราย เขต 3 พรรคเพื่อไทย โดยบอกว่า ป้องกันไม่ให้ตำรวจกองปราบปรามเข้าตรวจค้นบ้านนายยงยุทธ และป้องกันบุคคลแปลกปลอมเข้าไปภายในบ้าน หลังได้รับแจ้งข่าวว่าตำรวจกองปราบปรามได้ขอหมายศาลเพื่อเข้าค้นบ้านนายยงยุทธ

น.ส.จีรนันท์ กล่าวว่า การมาครั้งนี้ ไม่ได้รับคำสั่งจากผู้ใดแต่กระทำด้วยใจ เพื่อปกป้องความยุติธรรม เนื่องจากเห็นว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันใช้อำนาจเผด็จการสลายฝ่ายตรงกันข้ามทุกวิถีทาง ซึ่งถือว่าบ้าอำนาจ รวมทั้งย้ายข้าราชการตำรวจภาคเหนือออกไปด้วย เชื่อว่าเป้าหมายของตำรวจกองปราบปราม คือ กลั่นแกล้งนายยงยุทธ ทั้งๆ ที่เป็นบุคคลที่ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง 5 ปี จึงไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอยู่แล้ว เห็นว่ารัฐบาลควรเอาเวลาที่เหลือไปจับโจรที่ปิดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองหรือทำตามข้อเสนอของกลุ่มก่อนหน้านี้ 3 ข้อ คือ ปลดนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 และดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย"เราจะอยู่เฝ้าบ้านนายยงยุทธจนแน่ใจว่าไม่มีการตรวจค้น

ที่แท้ได้กลิ่นลุยชร.ตามคดีชิปปิ้งหมู

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้รับการแจ้งจาก น.ส.ละออง ว่าขณะนี้ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อเร่งรัดคดี"ชิปปิ้งหมู"พร้อมกำลังทหารส่วนหนึ่ง ได้เดินทางลงไปตรวจในพื้นที่ 2 อำเภอใน จ.เชียงราย เพื่อสืบหาหลักฐานในคดีดังกล่าว จึงอยากฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ว่าอย่าตกเป็นเครื่องมือของนักการเมือง และอยากย้อนถามกลับ นายกรัฐมนตรีและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯในฐานะที่ดูแลด้านความมั่นคงว่า ในคดีสังหารผู้จัดการ บริษัท โคอ็อป ที่ จ.สุราษฎร์ธานีว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร

ตร.ขวางแท็กซี่แดงพบ "ชวรัตน์"

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์กรมตำรวจไปลงที่ ร้อย ตชด.214 บ้านชบ ต.บ้านชบ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ เมื่อเวลา 09.30น. จากนั้นเดินทางไปยังโรงเรียนสังขะวิทยาคม อ.สังขะ เพื่อทำพิธีเปิดโครงการ "หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน" โดยมีนายปราโมทย์ สัจจรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ นายสุชีพ แข่งขัน ปลัดจังหวัดสุรินทร์ และ ส.ส.สุรินทร์ ข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนรอต้อนรับ

จากนั้น นายชวรัตน์ และนายสุจิต จงประเสริฐ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสุรินทร์ ร่วมกันมอบโฉนดที่ดินให้ราษฏรอ.สังขะ 20 ราย อ.ท่าตูม 500 ราย พร้อมให้บริการประชาชนยื่นคำขอรังวัดที่ดิน กระทั่งเวลา 12.00น. นายชวรัตน์และคณะจึงไปรับประทานอาหารที่หอประชุมอำเภอสังขะ โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

ระหว่างนั้นมีกลุ่มรถแท็กซี่รับจ้างสวมเสื้อแดงจากกรุงเทพ ฯ 20 คัน นำกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งมีนายสหัสชัย ชาแสน บ้านเลขที่ 107 บ้านหนองคู ต.พระแก้ว อ.สังขะ เป็นแกนนำ รวมตัวกันที่บริเวณสี่แยกหน้า โรงเรียนสังขะวิทยาคม เพื่อขอเข้าพบนายชวรัตน์ แต่ถูกตำรวจภูธรสกัดกั้น ขณะที่นายปราโมทย์รายงานสถานการณ์ให้ นายชวรัตน์ถึงเรื่องดังกล่าว

นายสหัสชัย กล่าวว่า พวกตนซึ่งมีภูมิลำเนาในพื้นที่ ต.พระแก้ว ต.ตาคง อ.สังขะ แต่เดินทางไปรับจ้างขับรถแท็กซี่รับจ้างที่กรุงเทพฯหลังทราบว่า นายชวรัตน์ เดินทางมาในพื้นที่บ้านเกิด จึงเดินทางมาต้อนรับ รวมทั้งต้องการรสอบถามสาเหตุที่เข้าร่วมรัฐบาลและสอบถามความคืบหน้าของการแจกงบประมาณเอสเอ็มแอลที่ล่าช้า

เสื้อเหลืองร้อยเอ็ดแจ้งเอาผิดสส.พท.

น.ส.นภาพร พวงช้อย และ นพ.ธีรวุฒิ เถาว์ทิพย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร้อยเอ็ด นำนายวิพุธ สุขประเสริฐ พันธมิตรร้อยเอ็ด และนางวชิราภรณ์ โคตรสาร แกนนำพันธมิตร จ.มหาสารคาม เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.บรรเจิด ชมพูพฤกษ์ พนักงานสอบสวนสภ.เมืองร้อยเอ็ด พร้อมวีซีดีที่อ้างว่าบันทึกจากการปราศรัยของกลุ่มเสื้อแดงเมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่จ.ร้อยเอ็ด เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายนิสิต สินธุไพร อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย พร้อมนายศักดา คงเพชร, นายวราวงษ์ พันธุ์ศิลา, นายนิรมิต สุจารีย์ และแกนนำเสื้อแดง ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค์มนตรี และมีการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เข้าข่ายหมิ่นสถาบัน

ส่วนนายวิพุธ สุขประเสริฐ เข้าแจ้งความ ข้อหาถูกกลุ่มคนเสื้อแดงทำร้ายร่างกาย โดยใช้ขวดน้ำ แก้วน้ำขว้างปา และข่มขู่คุกคาม ตามภาพที่ปรากฏในวีซีดีเป็นหลักฐาน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook