“แตงโม” ร่ำไห้ เปิดใจครั้งแรก หลังเลิกภรรยาสาว ยันไร้มือที่ 3
จากกรณีข่าวช็อกวงการบันเทิง เมื่อ "แตงโม พงษ์พิสุทธิ์" ยอมรับว่าเลิกรากับภรรยา "เฟิร์น เกวรินทร์" หลังแต่งงานเพียง 8 เดือน ล่าสุด (24 ม.ค.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา แตงโม ได้มีโอกาสเปิดใจในห้องข่าวบันเทิง ช่องเวิร์คพอยท์ เป็นครั้งแรกกับพีธีกร "นุ้ย สุจิรา"
ซึ่งในระหว่างให้สัมภาษณ์แตงโมก็มีสีหน้าที่เศร้า และน้ำตาคลอเป็นระยะ โดยหลังจากที่จบรายการ แตงโมเองถึงกับร่ำให้โผเข้ากอด นุ้ย สุจิรา ด้วยความอัดอั้นกัน โดยแตงโมเปิดเผยว่า
ก่อนที่จะตัดสินใจแยกทางกัน เราทั้งคู่ได้พยายามพูดคุยกันมาโดยตลอดเวลาที่ไม่เข้าใจกัน และคนที่ตนแคร์มากที่สุดก็คือเฟิร์น สถานะตอนนี้ถือว่า ห่างกัน ส่วนเหตุผลที่ไม่อยากพูดคำว่า เลิกกัน เพราะเชื่อว่าอีกฝ่ายที่เป็นผู้หญิงคงไม่อยากได้ยินคำนี้ แม้ว่าจะเป็นความจริงก็ตาม
(ตอนนี้ยุติความเป็นสามีภรรยากันแล้ว?) มันเป็นเรื่องที่พูดยาก เอาเป็นว่าแล้วแต่วิจารณญาณของคนว่าอยากให้เป็นแบบไหน ตอนนี้ตนกับเฟิร์นก็ห่างกัน และได้พูดคุยกับพ่อแม่ของอีกฝ่ายแล้ว ซึ่งท่านทั้งสองก็เข้าใจเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของชีวิตคู่
ตนและเฟิร์นก็รู้จักกันมานานแล้ว ก่อนแต่งงานกันก็คบกันมาประมาณ 2 ปี และเป็นเพื่อนรู้จักกันมา 10-15 ปี แต่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นคนละเรื่องหลังแต่งงาน
ไม่มีใครคิดหรอกครับว่าเมื่อแต่งงานแล้ว อีก 8 เดือนจะเลิก หรืออีก 2-3 เดือนจะเลิก ผมยืนยันได้เลย ตัวผมและเฟิร์นก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างผมทำให้เฟิร์น ทั้งในงานแต่ง ในอินสตาแกรมที่ผมพาเฟิร์นไปเที่ยว ถ้าคนมันแพลนไว้ จะไม่ทำหรอกครับ
ส่วนเหตุผลจริง ๆ ก็อนุญาตว่าจะไม่พูดว่ามันคืออะไรแบบไหน อยากให้ทุกคนเข้าใจว่า เฟิร์นไม่เคยว่าแตง และแตงไม่เคยว่าเฟิร์น แต่บางทีทางเลือกที่ดีที่สุดของคนสองคนที่จะไปด้วยกัน เราต้องคุยกัน และเฟิร์นเป็นคนที่พูดกันแล้วรู้เรื่อง ซึ่งก็มีการพูดคุยกันหลายครั้ง ทุกคู่คงไม่มีใครพูดจากันแค่ครั้งเดียวแล้วเลิก หรือพูดแค่ครั้งเดียวแล้วห่างกัน คงไม่มีทาง
เฟิร์นก็พยายามปรับ แตงเองก็พยายามปรับ แต่เหตุผลที่เป็นการใช้ชีวิตจริง ๆ อย่างที่บอกคือเป็นแฟนกันอาจอยู่ด้วยกันบ้าง แต่สามีภรรยาต้องอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมง บางทีมันก็ทำให้เห็นว่าแต่ละคนเป็นแบบไหน เราเป็นแบบไหน แต่ก็ไม่ได้ทะเลาะ และยืนยันว่าไม่มีมือที่สาม
(เรื่องรายการคดีสีชมพู หลายคนมองว่าเป็นการแฉภรรยา และอาจเป็นสาเหตุของการเลิกครั้งนี้ ?) ทุกรายการต้องมีการคุยกันก่อนอยู่แล้วและรายการต้องมีความสนุก ซึ่งตนก็ได้คุยกับเฟิร์นก่อนหน้านี้แล้ว แต่อีกฝ่ายเป็นคนพูดไม่เก่ง อย่างในชีวิตจริงตนก็ไม่เคยบอกให้เขาไปเป็นแฟนกับแท็กซี่ ที่พูดในรายการเป็นการเพิ่มอรรถรส ตัวเขาเองก็ยอมรับว่า ในรายการเถียงไม่ทัน พอกลับจากรายการก็ไม่ได้ทะเลาะกัน แต่ก็ยอมรับว่าเรื่องในรายการบางส่วนก็เป็นความจริง
(ช่วงแรกๆ ที่มีข่าว แตงโมดูไม่อยากให้สัมภาษณ์?) ตนคุยกับเฟิร์นแล้ว ตนเป็นห่วงความรู้สึกเฟิร์น เฟิร์นก็บอกว่าอย่าพูดเลย เฟิร์นไม่อยากให้พูดเลย เฟิร์นก็มีหน้าที่การงานของเขา ตนก็อยากให้มันเงียบๆ ไป จริงๆ มันเป็นเรื่องของคนสองคง แต่ก็เข้าใจได้ว่าเราอยู่ในจุดนี้ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ความจริงมันจะเกิดก็ต้องเกิด เมื่อวานคุยกับเฟิร์น คุยกับพ่อเฟิร์น มันเกิดขึ้นก็ต้องเกิด
(คุณพ่อคุณแม่เฟิร์นว่ายังไง?) คุณพ่อคุณแม่เฟิร์นเข้าใจมากๆ แต่ยอมรับว่าท่านเสียใจ แต่ คุณพ่อคุณแม่เฟิร์นก็บอกว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคน เขาตัดสินแทนไม่ได้
(เราได้เรียนรู้อะไรจากชีวิตคู่ของเราบ้าง?) ตนคุยกับเฟิร์น เราน่าจะคิดเหมือนกัน การที่ได้รู้จักกัน ไม่เคยคิดว่ามีอะไรผิดพลาด แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้น ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าได้ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นมา เราสองคนก็ไม่โทษกัน
(ได้จดทะเบียนสมรสกันหรือเปล่า?) ยังไม่ได้จดทะเบียนกัน ตอนแรกหมอดูทักว่าหากจดทะเบียนแล้วจะเลิกกัน แต่สุดท้ายเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องดวง
ทั้งนี้ แตงโม กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนไม่ได้คาดหวังให้ใครเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะเขาไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ส่วนคนที่เสียใจแทนเฟิร์น เขาไม่ได้เป็นเฟิร์น เขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเฟิร์นคิดแบบไหน เฟิร์นเสียใจยังไง แต่ก็อยากให้คนที่อ่านข่าว และอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ อยากจะให้ดูเอาไว้และบางทีมันก็เป็นเรื่องราวของคนสองคน
อัลบั้มภาพ 11 ภาพ