ผู้ว่าฯลำพูนจู่โจมพระแปลงเพศ เจ๊ดาวเผ่นสึกวันนี้ที่เชียงใหม่

ผู้ว่าฯลำพูนจู่โจมพระแปลงเพศ เจ๊ดาวเผ่นสึกวันนี้ที่เชียงใหม่

ผู้ว่าฯลำพูนจู่โจมพระแปลงเพศ เจ๊ดาวเผ่นสึกวันนี้ที่เชียงใหม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้ว่าฯ ลำพูนลุยสอบเอง รู้ เจ๊ดาว คือ พระครูวิจิตรสรการ เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง เผยพระตุ๊ด-แต๋วมากจนได้ฉายา วัดกะเทย ชาวบ้านสุดเอือม แต่ไม่มีใครกล้ายุ่ง ขีดเส้นตายสึกก่อนวันมาฆบูชา พระฉาวยอมสึก 7 ก.พ. โต้ นศ.สาวออมาแฉเหตุหึงหวงแฟนหนุ่ม

ความคืบหน้ากรณี "คม ชัด ลึก" เสนอข่าว "เจ๊ดาว" พระผู้ใหญ่ในวัดแห่งหนึ่งใน จ.ลำพูน แปลงเพศและเสริมหน้าอก ซึ่งมีพฤติกรรมตั้งตัวเป็นขาใหญ่แก๊งกะเทย รวมทั้งแต่งหญิงออกเที่ยวกลางคืนและซื้อบริการทางเพศนักศึกษาชายเป็นประจำนั้น ล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 กุมภาพันธ์ นายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน พร้อมด้วยนายสุรชัย ขยัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำพูน (ผอ.พศจ.ลำพูน) และกำลังตำรวจจำนวนหนึ่ง เข้าตรวจสอบภายในวัดศรีบุญเรือง ถนนอินทยงยศ ต.ในเวียง อ.เมือง จ.ลำพูน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง

เมื่อผู้ว่าฯ ลำพูนนำทีมไปถึงวัด พระและสามเณร 2 รูป รวมทั้งเด็กวัยรุ่น 2 คน ต่างวิ่งหลบหนีขึ้นไปบนชั้นสองของกุฏิ ซึ่งแบ่งเป็นห้องกว่า 20 ห้อง ลักษณะคล้ายหอพัก เมื่อเจ้าหน้าที่เคาะเรียก ทั้งหมดไม่ยอมออกมาจากห้อง นายดิเรกต้องเจรจาประมาณ 5 นาที จึงยอมเปิดประตูห้อง โดยปฏิเสธว่าไม่ทราบเรื่องส่วนตัวของเจ้าอาวาส

ส่วนพระครูวิจิตรสรการ หรือ "ตุ๊หมาน" เจ้าอาวาสวัด ซึ่งถูกระบุว่าเป็น "เจ๊ดาว" พบว่าออกจากวัดตั้งแต่ช่วงเช้า เจ้าหน้าที่จึงไม่เข้าตรวจสอบภายในกุฏิเพื่อค้นหาหลักฐานใดๆ โดยมองว่าไม่เหมาะสม เพราะพระครูวิจิตรสรการเป็นพระผู้ใหญ่ และเป็นถึงเจ้าคณะตำบล เขต 2 อ.เมือง จ.ลำพูน

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พบสาวประเภทสองคนหนึ่งอยู่ในกุฏิ โดยอ้างว่ามารอรับเงินค่าจัดดอกไม้ที่ทางวัดเตรียมจัดพิธีสืบชะตา ที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ แต่รอตั้งแต่เช้าก็ยังไม่พบเจ้าอาวาส

นายดิเรกกล่าวว่า ได้ให้พระผู้ใหญ่เจรจากับพระครูวิจิตรสรการแล้ว แต่ไม่ยอมรับว่าเป็นกะเทยแปลงเพศ เสริมหน้าอก หรือสวมบท "เจ๊ดาว" แต่งหญิงออกเที่ยวกลางคืน แต่ยอมที่จะพิจารณาตัวเอง โดยไม่ได้ระบุชัดว่าจะยอมสึกวันใด ส่วนพยานหลักฐานทั้งเสื้อผ้า รองเท้า ผู้หญิง รวมถึงการพิสูจน์การแปลงเพศ คงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอีก เพราะพระครูวิจิตรสรการยอมที่จะพิจารณาตัวเองแล้ว คงไม่มีประโยชน์ที่จะต้องตรวจสอบให้มัวหมองไปมากกว่านี้

"เรื่องนี้ไม่อยากให้บานปลาย เมื่อท่านรู้ตัวว่าผิดและยอมที่จะแก้ไข ยอมพิจารณาตัวเอง ก็ต้องให้โอกาสท่าน ส่วนตอนนี้ท่านจะไปอยู่ที่ไหนนั้น ทราบแล้ว แต่บอกไม่ได้ เราอยากให้โอกาสท่านพิจารณาตัวเอง ไม่อยากกดดันใครจนกลายเป็นหมาจนตรอก หากแก้ไขได้และไม่ทำให้ศาสนาเสื่อมเสียก็เป็นเรื่องดี เพราะถ้าเป็นพระแล้วตัวทิ้งผ้าเหลืองปลอมตัวออกจากวัดไปเที่ยวอย่างนี้ เอาไว้ไม่ได้ ซึ่งก่อนวันจันทร์ (9 ก.พ. ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา) หากท่านไม่สึกก็ต้องจัดการ" นายดิเรกกล่าว

ผู้ว่าฯ ลำพูนยอมรับว่า มีวัดหลายแห่งที่มีพระที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศจำวัดอยู่ เพียงแต่ขณะนี้ได้รับแจ้งเพียงวัดศรีบุญเรืองแห่งเดียว อย่างไรก็ตาม ภายในเดือนนี้จะนิมนต์เจ้าอาวาสทุกวัดใน จ.ลำพูน เข้าร่วมประชุม เพื่อออกมาตรการจัดระเบียบทุกวัดโดยเร็ว

นายสรสิทธิ์ นวลศรี กรรมการด้านวัฒนธรรม ชุมชนศรีบุญเรือง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางวัดได้รับพระเณรที่เป็นกะเทยมาอยู่ในวัดหลายสิบรูป รวมทั้งนักศึกษาชายจากวิทยาลัยเทคนิคลำพูนมาอยู่ที่วัดกว่า 40 คน ซึ่งกลุ่มพระเณรและวัยรุ่นเหล่านี้มีพฤติกรรมมั่วสุม ทำให้ถูกร้องเรียนจนต้องออกไปจากวัดทั้งหมด ตอนนี้เหลือพระเพียง 3 รูป คือ เจ้าอาวาส พระ และสามเณร แต่ยังมีนักศึกษาแวะเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย

ส่วนพฤติกรรมเป็นพระกะเทยหนีเที่ยว นายสรสิทธิ์กล่าวว่า ไม่เคยทราบมาก่อน ที่ผ่านมาพระครูวิจิตรสรการก็ไม่เคยออกอาการให้เห็น จึงอยากให้สื่อให้ความเป็นธรรมท่านบ้าง และหากท่านจะกลับมาชี้แจงก็คงจะเป็นเรื่องดี

ประวัติพระครูวิจิตรสรการ วิทยฐานะจบศาสนศาสตรบัณฑิต การศึกษามหาบัณฑิต เปรียญธรรม 4 ประโยค และนักธรรมชั้นเอก ถือเป็นพระนักเทศน์ที่มีชื่อเสียงรูปหนึ่งใน จ.ลำพูน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเดินทางไปถึง มีเด็กหนุ่มภายในวัดขับรถกระบะโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ็กซ์ และโตโยต้าสปอร์ต ไรเดอร์ สีน้ำเงิน ขนกล่องกระดาษออกจากกุฏิของพระครูวิจิตรสรการไปจากวัด และพระลูกวัดรายหนึ่งยังแสดงความไม่พอใจและขู่ทำร้ายผู้สื่อข่าวที่เข้าไปบันทึกภาพ

ส่วนชาวบ้านบริเวณวัดยังระบุว่า วัดแห่งนี้ถูกเรียกว่าวัดกะเทย เพราะที่ผ่านมามีพระกะเทยอยู่เป็นจำนวนมาก ที่ผ่านมาชาวบ้านทราบพฤติกรรมดี แต่ไม่มีใครกล้ายุ่งเกี่ยว ครั้งนี้ต้องขอบคุณสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาตรวจสอบและดำเนินการตามความเหมาะสม

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้นำภาพถ่ายของพระครูวิจิตรสรการไปให้พนักงานร้านตะวันแดงสาดแสงเดือน ณ เชียงใหม่ ตรวจสอบ ภายหลังเห็นภาพพนักงานเหล่านี้ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พระภิกษุในภาพถ่ายเป็นคนเดียวกันกับ "เจ๊ดาว" กะเทยขาใหญ่ แขกประจำของร้าน เพียงแต่บอกว่าในภาพใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าตัวจริงเล็กน้อย

พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งที่คุ้นเคยกับเจ๊ดาวเป็นอย่างดี เล่าว่า เจ๊ดาวและกลุ่มเพื่อนกะเทยมาเที่ยวที่ร้านตะวันแดงเดือนละไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง แต่ละครั้งจะมาเป็นกลุ่ม ประมาณ 4-6 คน โดยเจ๊ดาวชอบสวมกางเกงขาสั้น และกระโปรงสั้น ทั้งยังใส่วิก เขียนคิว เมื่อเข้าไปในร้านก็จะทักทายพนักงานอย่างคุ้นเคย ก่อนจะเข้าไปนั่งที่โต๊ะประจำด้านหน้าเวที ซึ่งสามารถมองเห็นนักร้องได้อย่างชัดเจน

พนักงานแคชเชียร์ในร้านกล่าวว่า เจ๊ดาวอ้างว่าเป็นหมอสูตินรี ที่โรงพยาบาลลำพูน ตอนกลางวันใช้ชีวิตตามปกติ พอกลางคืนก็มีการแปลงโฉมตามรสนิยม แต่ละครั้งที่มาหากเมาได้ที่จะลุกขึ้นโยกย้าย และเต้นรำอย่างเมามัน ก่อนจะเดินทางกลับจะให้ทิปแก่พนักงานทุกครั้ง ครั้งละ 100-200 บาท โดยเฉพาะพนักงานเสิร์ฟหนุ่มๆ ที่คอยบริการจะให้ทิปหนักเป็นพิเศษ นอกจากนี้เจ๊ดาวยังชอบเลี้ยงงานวันเกิดให้พนักงานในร้านหลายคน จนเป็นที่รู้กจักและสนิมกับพนักงานในงาน

วันเดียวกัน ดร.อำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า พศจ.ลำพูน แจ้งข่าวด่วนมาว่า พระครูวิจิตรสรการจะขอลาสิกขาแล้ว เพราะไม่อยากให้วัดเสื่อมเสียชื่อเสียง อีกทั้งก่อนหน้านี้ได้ขอสึกมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เพราะบวชมาตั้งแต่อายุ 11 ปี จึงเกิดความเบื่อหน่าย แต่โยมแม่ขอไว้ เพราะอยากให้ลูกอยู่ในผ้าเหลือง จึงยังไม่ได้สึก เมื่อเกิดกรณีนักศึกษาสาวมาร้องเรียนว่ามีพฤติกรรมเลี้ยงเด็กจึงถือโอกาสสึก และอยากจบปัญหาทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม พระครูวิจิตรสรการชี้แจงเรื่องที่นักศึกษาสาวร้องเรียนว่า น่าจะเกิดจากความหึงหวงแฟนหนุ่ม ซึ่งเป็นเด็กวัด และได้ส่งเสียให้เรียนจริง แต่ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งดังที่ถูกกล่าวหา เป็นการส่งให้เด็กในวัดเรียนตามปกติ ส่วนกรณีมีการกล่าวหาว่าได้ผ่าตัดแปลงเพศแล้วนั้น รองเจ้าคณะจังหวัดลำพูนยืนยันแล้ว จากการสอบถามพระครูวิจิตรสรการ ได้คำตอบว่ายังไม่มีการผ่าหรือแปลงเพศอะไรทั้งนั้น

ด้านพระราชปัญญาโมลี รองเจ้าคณะจังหวัดลำพูน กล่าวว่า ล่าสุดได้รับหนังสือขอลาสิกขาจากพระครูวิจิตรสรการ ทั้งนี้ ได้รายงานให้เจ้าคณะอำเภอและเจ้าคณะจังหวัด ในฐานะพระสังฆาธิการผู้ปกครอง รับทราบเรื่องนี้แล้วเช่นกัน ก่อนที่จะมอบหนังสือดังกล่าวไปให้ พศจ.ลำพูน ดำเนินการต่อไป โดยในหนังสือของพระครูวิจิตรสรการ แจ้งว่าจะทำพิธีลาสิกขาในวัดบ้านเกิดที่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ แต่ไม่ได้แจ้งเวลาและวัดที่จะขอทำพิธีลาสิกขาแต่อย่างใด เพื่อป้องกันคนตามไปสร้างความวุ่นวาย ซึ่งตามหลักพระธรรมวินัยสงฆ์ การลาสิกขาสามารถประกอบพิธีที่วัดแห่งใดก็ได้

"สำหรับพฤติกรรมของท่านตามที่เป็นข่าวนั้น ไม่ทราบข้อเท็จจริง เพราะมีโอกาสได้พบและพูดคุยกับท่านไม่มากนัก ส่วนใหญ่เท่าที่เห็น ท่านเป็นคนเรียบร้อย พูดจาไพเราะ แต่เรื่องที่เกิดขึ้น อาตมาในฐานะพระผู้ใหญ่ก็ไม่สะดวกจะสอบถาม แต่ภายหลังจากได้รับหนังสือลาสิกขา ได้สอบถามท่านโดยตรง ท่านก็บอกว่าไม่รู้สึกติดใจในประเด็นข้อกล่าวหาแต่อย่างใด แต่เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ท่านจะขอลาสึกทันที" พระราชปัญญาโมลีกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook