ลูกสาวข้องใจ พ่อเลี้ยงอ้างแม่ตกเตียง หัวกระแทกหินตาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (27 ม.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พาลูกสาวและญาติของนางสาววันเพ็ญ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี ผู้ตาย เข้าพบ พล.ต.ต.อนุภาพ ศรีนวล ผบก.ภ.จว.ราชบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.วรพล ยิ่งเจริญ ผกก.สภ.ปากท่อ เพื่อติดตามคดีของนางวันเพ็ญที่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ และขอความเป็นธรรมกับครอบครัว
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 ม.ค.60 ที่ผ่านมา ญาติของนางสาววันเพ็ญ ได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมมายังมูลนิธิปวีณา โดยญาติแจ้งว่านางสาววันเพ็ญ ผู้ตาย ได้มาอยู่กินกับ นายสนั่น อายุ 58 ปี อาชีพรับเหมาก่อสร้าง ประมาณ 10 ปีเศษ ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันผู้ตายก็ได้ไปช่วยงานก่อสร้างเป็นประจำ เมื่อมีงานรับเหมาเล็กๆ น้อยๆ ก็จะเรียกลูกๆ ของผู้ตายไปช่วยงานด้วย
ซึ่งทั้งสองคนมักจะมีปากเสียงทะเลาะกันเป็นประจำ จากการถกเถียงเรื่องทั่วๆ ไป และมีการลงไม้ลงมือกันบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งลูกๆ ของผู้ตายจะเห็นและรับรู้อยู่บ่อยครั้ง แต่ลูกๆ ไม่ได้อยู่ด้วยกันกับนางสาววันเพ็ญ ผู้ตาย เนื่องจากทำงานเสร็จและก็มาอยู่ที่บ้านตาใน ตำบลป่าหวาย อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
กระทั่งเมื่อวันที่ 24 ม.ค. ที่ผ่านมา นายสนั่น สามีของผู้ตาย ได้โทรศัพท์มาบอกญาติว่า นางสาววันเพ็ญนอนตกเตียงศีรษะกระแทกกับหิน นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลราชบุรี ซึ่งแพทย์บอกว่าเลือดออกในสมองต้องผ่าตัดเป็นการด่วน จากนั้นพ่อและลูกๆ ของนางสาววันเพ็ญที่ทราบข่าว ต่างรีบเดินทางไปที่โรงพยาบาลราชบุรีทันที หวังว่าจะเยี่ยมอาการ
แต่ก็พบว่าแพทย์ได้พันศีรษะนางสาววันเพ็ญไว้โดยไม่ได้สติ หลังผ่าตัดเสร็จนอนพักรักษาตัวอยู่และแพทย์บอกให้ญาติทำใจไว้เนื่องจากอาการนางสาววันเพ็ญไม่สู้ดี และต่อมานางสาววันเพ็ญก็ได้เสียชีวิตลงในช่วงกลางดึกในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 03.00 น.
ด้าน นางสาวพิมศิริ อายุ 25 ปี ลูกสาวของผู้ตาย สงสัยในสาเหตุของการเสียชีวิตของนางสาววันเพ็ญ เพราะเมื่อได้สอบถามทางแพทย์ที่ให้การรักษาและชันสูตรศพพบว่า สาเหตุการเสียชีวิตเป็นเพราะศีรษะได้รับบาดเจ็บรุนแรงมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองและสมองช้ำ เมื่อได้ไปพูดคุยกับแพทย์ถึงสาเหตุ แพทย์ก็บอกว่าน่าจะเกิดจากถูกของแข็งกระแทก โดยตนเองไม่เชื่อว่าแม่จะตายเพราะอุบัติเหตุ
จากการสังเกตเห็นว่าผู้ตายยังมีรอยเขียวช้ำที่ตาและโหนกแก้มข้างซ้าย และมีรอยบีบที่คอ สภาพเหมือนกับถูกทำร้ายจนเสียชีวิต ซึ่งครอบครัวและญาติพี่น้องรับไม่ได้ จึงปรึกษากันและตัดสินใจเข้าร้องทุกข์ต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อร้องขอความเป็นธรรม และขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดำเนินคดีหรือพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้
ขณะที่ นายสนั่น อายุ 58 ปี สามีผู้ตาย กล่าวยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองว่า ตนเองอยู่กินกับนางสาววันเพ็ญ ผู้ตายฉันสามีภรรยา มาถึง 11 ปี ไม่มีเหตุอันใดที่จะต้องทำให้ถึงแก่ความตาย เพราะตนเองก็รักและอยู่ร่วมสุขร่วมทุกข์กันมา ยอมรับว่ามีปากมีเสียงกันบ้าง ไม่ก็ไม่มาก และมีการตบตีเป็นเรื่องปกติ แต่ก็เมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา หลังผู้ตายติดเหล้าอย่างหนัก ตนเองมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง
ก่อนเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ช่วงเวลา 10.00 น. ตนกำลังทำงานแกะแบบปูนที่ไซด์งานที่ ตำบลศาลายา จังหวัดนครปฐม ซึ่งนางสาววันเพ็ญ ผู้ตายก็อยู่ที่หน้างานด้วย ช่วงนั้นแดดร้อนเห็นนางสาววันเพ็ญผู้ตายล้มไปกับพื้นลักษะตัวเกร็ง และหน้าไปฟาดกับพื้นหินทรายที่ไซด์งาน ตนจึงเข้าไปประคองให้ขึ้นมานั่งพักและถามอาการตลอดเวลา เพราะนางสาววันเพ็ญมีอาการเหมือนคนสลบ
เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้ตายไม่ทานข้าว ทานแต่เหล้า ก็มีปากเสียงกันเพราะห้ามปรามไม่ให้กินเหล้าจึงน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้นางสาววันเพ็ญล้มลง เมื่อประคองและลุกขึ้นมาได้สติจึงให้นอนพัก และตนเองออกไปซื้อนมมาให้รับประทานประทังหิว เพราะใกล้ช่วงเวลาเที่ยงและพักงานก็จะพาไปทานข้าว แต่เมื่ออาการไม่ดีจึงรีบนำส่งโรงพยาบาลปากท่อทันที และให้แพทย์ทำการรักษาและพัก 1 คืน ก่อนที่ตนเองจะกลับมาทำงาน
และเมื่อช่วงสายของวันจันทร์ ผู้ตายได้โทรศัพท์มาบอกว่าหมอให้กลับบ้านแล้วหายดีแล้ว ตนจึงได้โทรแจ้งไปยังลูกสาวที่อยู่ที่บ้านในปากท่อ ให้เข้าไปรับผู้ตาย แต่แพทย์ได้บอกว่าหายออกไปจากโรงพยาบาลแล้วคาดว่าคงจะกลับบ้าน ตนจึงรีบกลับจากที่ไซด์งานที่ตำบลศาลายาทันที เมื่อกลับมาที่บ้านก็พบตัวของผู้ตาย แต่เห็นสภาพของผู้ตายคล้ายคนดื่มเหล้ามามีกลิ่นของสุราออกจากตัวผู้ตาย ตนจึงให้นอนพัก
และเมื่อช่วงดึกก็เข้านอนกันตามปกติโดยที่ตนเองนอนอยู่ด้วยกัน และได้ยินเสียงเหมือนอะไรตกกระแทกพื้น เพื่อเปิดไปจึงเห็นภรรยานอนหมดสติตนจึงประคองขึ้นมา และปลุกให้ฟื้นก่อนจะรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลปากท่อ และทางโรงพยาบาลได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี
โดยแพทย์วินิจฉัยและให้รับเข้ารับการผ่าตัดเนื่องจากมีเลือดคลั่งในสมอง ซึ่งตนก็รีบให้แพทย์ทำการผ่าตัดรักษา ซึ่งหลังผ่าตัดแพทย์ก็แจ้งตนเองแล้วว่าอาการ 50/50 ให้ทำใจ ตนเองก็ได้โทรแจ้งไปยังญาติและลูกสาว แต่ภรรยาก็มาเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ ตนเองก็เข้ามอบตัวและยืนยันแสดงความบริสุทธิ์ใจ หากตนเองจะทำร้ายให้ภรรยาของตนเสียชีวิตก็เอาสุราให้ดื่มตายไปนานแล้ว ตนเองก็เสียใจ เพราะอยู่ด้วยกันมา 11 ปี มีทะเลาะกันบ้างก็เรื่องของผัวเมีย อีกทั้งภรรยาก็ติดเหล้า ตนก็ห้ามปรามตลอด เมื่อเลิกไม่ได้ก็ขอให้ดื่มน้อยลง และพร้อมที่จะสู้คดี ปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย
ขณะที่ พล.ต.ต.อนุภาพ ศรีนวล ผบก.ภ.จว.ราชบุรี วันนี้ได้รับเรื่องจากทางนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี และทางลูกสาวและญาติของผู้ตาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายเบื้องต้น ได้ให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามคดีอย่างเร็วที่สุด พร้อมทั้งได้ติดตามผลชันสูตรพลิกศพจากแพทย์ โดยคาดว่าจะได้คำตอบเร็ววันนี้
ส่วนสาเหตุการตายขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์ทำงานก่อน โดยวันนี้จะไปรับศพจากที่บ้านของพ่อผู้ตายในตำบลป่าหวาย อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี และมาทำการเคลื่อนย้ายศพเพื่อส่งชันสูตรเพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริงยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลตำรวจ ตามที่ทางลูกและญาติร้องขอ
โดยจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายอย่างดีที่สุด หากพบการกระทำความผิดก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย ทั้งนี้ ก็ต้องรอผลการพิสูจน์อีกครั้ง