กัน ขี้งอนหนัก!! ทะเลาะ ศิตา บ่อย ถือเป็นอีกสิ่งที่ต้องคอยเรียนรู้

ยอมรับออกมาอย่างแมนๆ ว่าเป็นคนขี้งอนและขี้หึงสุดๆ สำหรับนักร้องหนุ่ม "กัน นภัทร" ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมาเปิดใจถึงความสัมพันธ์กับหวานใจสาว "ศิตา ชุติภาวรกานต์" ให้ฟังว่า ค่อนข้างทะเลาะกันถี่ ผลัดๆ กันงอน ผลัดๆ กันง้อ แต่ส่วนใหญ่จะทะเลาะกันเพราะเรื่องไร้สาระ พร้อมยอมรับเป็นคนขี้หึงทั้งคู่ จึงค่อยๆ ศึกษาดูใจกันไปนานๆ ให้เวลาตัดสิน เพราะตนไม่อยากคบๆ เลิกๆ กับใครอีกแล้ว

ลบภาพดอกไม้ออกจากอินสตาแกรม?
"ลบภาพดอกไม้เหรอครับ รูปไม่สวยครับ (หัวเราะ) ก็งอนๆ กันนิดหน่อยครับ ไม่มีอะไร คืองอนมางอนไป ต่างคนต่างมีปฏิกิริยากันนิดหน่อย แต่ไม่มีอะไรมาก แรงไหม ผมก็นิดนึงครับ เราเพิ่งเริ่มคุยกัน อาจจะมีเรื่องที่เราศึกษากันและเราต้องตั้งรับนิดนึง ก็เป็นเรื่องไร้สาระทั่วๆ ไปครับ ผมเป็นคนขี้น้อยใจอยู่แล้วครับ "

ทางเราเริ่มงอนก่อนใช่ไหม?
"มันผลัดกันครับ บางทีเขาก็งอนก่อน บางทีผมก็งอนก่อน ไม่แรงหรอกครับ บางทีเราเลิกอันฟอลโล่ไปก็มี แล้วก็กลับมาฟอลโล่กันใหม่ ก็ปกติครับ"

อย่างเราลบรูป พอกลับมาดีกันแล้วเขามีมาถามไหม?
"เขาไม่ถามครับ เพราะว่าเขาเคยลบคอมเม้นท์ผมไป ที่ผมไปคอมเม้นท์ในรูปเขา ผมก็ถามว่าลบทำไม เขาบอกว่ามือไปโดน ผมก็บอกมือไปโดนเหมือนกันครับ คือด้วยความที่เรายังไม่ได้มีสเตตัสอะไรกันทำให้เราได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น การเป็นพี่น้องก็รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ดีนะ ไม่จำเป็นที่เราจะเริ่มคุยกันด้วยความคาดหวังที่เร็วเกินไป ทำให้เราได้มองอะไรกันมากขึ้น มองอะไรได้มากขึ้น และเรามีประสบการณ์ความนักมาแล้ว เราก็อยากใหัมันดี"

กลัวไหมว่าสักวันมันอาจจะรุนแรงขึ้น?
"สักวันมันอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ แต่เราก็ทำทุกวันให้ดีที่สุด ด้วยการที่เราเป็นพี่น้องกันแบบนี้ทำให้เราได้ศึกษากันไปเรื่อยๆ บางทีการทะเลาะกันก็เป็นสิ่งที่ดีที่เราได้เรียนรู้ บางทีข้อเสียของเราทำให้เขารู้ว่าเขารับได้ ทำให้เรารู้ว่าข้อเสียของกันและกันทำให้เราปรับเข้าหากันได้ อนาคตมันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่เราได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน"

ตอนนี้เปิดใจศึกษาคนนี้?
"ก็ไม่มีใครนะครับ ตอนนี้ยังไม่มีใคร เรารู้สึกว่าน้องก็น่ารัก คุณแม่ก็น่ารัก ก็เป็นพี่น้องกันไปก็ไม่ได้เสียหายอะไร"

มีเรื่องของการหึงหวงกันไหม?
"ก็มีแหละครับ ทั้งคู่ครับ เป็นคนขี้หึงทั้งคู่ ด้วยความที่ต่างคนต่างทำงาน คือผมทำงานในวงการนี้ น้องเองทำธุรกิจและเพิ่งเข้าวงการมา ผมเองเป็นห่วงเขาด้วยความที่เคยผ่านประสบการณ์มาก่อน ต้องเจอโน่นนี่นั่น ก็จะพูดกันๆ ไว้ก่อน เขาก็บอกว่าพี่ เมื่อไหร่พี่จะเลิกทำงาน (หัวเราะ) คือเราก็ทำให้ครอบครัวเรา เราก็รู้ว่าอะไรคือเรื่องที่เราต้องโฟกัสไว้ก่อน ตอนนี้เราก็โฟกัสเรื่องครอบครัว อยากจะเก็บเงินให้มากที่สุดเพื่อที่จะปลูกบ้านให้ได้ ก็ตั้งใจจะปลูกเสร็จในปีนี้ที่สุพรรณบุรี ให้พ่อแม่ ส่วนเรื่องอื่นเป็นเรื่องที่เราคิดทีหลังเป็นอันดับรองลงมา"

ต้องปรับจูนกันอีกเยอะไหม?
"เยอะครับ จริงๆ แล้วคนที่จะคุยกัน อนาคตจะพัฒนาเป็นคนที่เรารัก หรือเป็นคนที่เราอยากจะใช้ชีวิตกับเขาไปตลอด มันต้องใช้เวลามากกว่านั้น ผมเองเพิ่งบวชมา เราไม่อยากคบใครเล่นๆ แล้วอ่ะ เราอยากคบเหมือนพ่อกับแม่เราที่อยู่กันไปมีอะไรก็ให้อภัยกัน มีอะไรก็เข้าใจกัน ซึ่งผมรู้สึกว่าถ้าวันนึงคนคนนั้นจะเป็นน้อง ก็เป็นเรืองของอนาคต แต่ว่าตอนนี้เราก็ยังศึกษากันอยู่ ในอนาคตจะเป็นยังไงเราก็ยังตอบไม่ได้"

มีการคุยกันไหมว่า การงอนแบบนี้ไม่ดีนะ"
"เคยพูดครับ ทุกครั้งที่เรางอนอะไรกันอยากให้เราคุยกันมากๆ คือด้วยความที่น้องเขาจะมีส่วนที่ไม่เหมือนเราบางอย่าง และเราก็ไม่เหมือนเขาในบางอย่าง ก็ต้องปรับจูนเข้าหากัน"

กระแสแฟนคลับเป็นไงบ้าง?
"ก็ดีนะครับ ก็เข้าใจ ตอนนี้เราอยู่กันมา 6-7 ปีแล้ว เราโตแล้ว เราบวชเรียนมาตามหน้าที่ลูกผู้ชายมาสมบูรณ์แบบแล้ว ก็ให้เราเลือก ในช่วงที่เราเคยเหงา เคยว่าง เขาเคยบอกว่าเมื่อไหร่ที่เราจะมีแฟน อยากให้เรามีกำลังใจ แล้วพอวันนึงเรามีน้องเข้ามาคุย แฟนคลับก็จะช่วยดูช่วยสแกน น้องเขาเป็นคนน่ารักไหม ทำให้พี่กันมีความสุขจริงไหม แค่นั้นเองครับ ตอนนี้เขาก็เห็นว่าเรามีความสุข เขาก็แฮปปี้ ถ้าวันไหนที่เขาไม่แฮปปี้ผมก็จะไม่บังคับเขา"

ก่อนหน้านี้จะมีแฟนคลับของเราและเขาเข้ามาคอมเม้นท์ว่าใครไม่เหมาะสมกัน เรารู้สึกยังไงบ้าง?
"ไม่ได้คุยเลยครับ ไม่ซีเรียสครับ ผมว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคน เรามองว่าเราแตกจ่างกันยังไง คนเรามันมีหลายมาตรฐานในการวัด ไม่มีสูงไม่มีต่ำ อยู่ที่เรามองว่าเขามีค่าหรือเปล่า "

จะปรับตัวเองให้งอนน้อยลงไหม?
"พยายามครับ จากที่เราโตขึ้น มีสติมากขึ้น และปรับอารมณ์ได้มากขึ้นครับ"

สถานะตอนนี้คืออะไร?
"เป็นพี่น้องกันครับ"