หนุ่มเพิ่งซื้อรถหลุดจำนำ ถูกชายฉกรรจ์บุกจับกรรโชกทรัพย์ ตำรวจเชื่อทำเป็นขบวนการ

ร.ต.อ.จักริน ภิรมย์เทวา รองสารวัตรกองกำกับการ3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ภาค7 เปิดเผยว่า ชุดสืบสวนภาค7 ได้แกะรอยขบวนการกักขังหน่วงเหนี่ยวและกรรโชกทรัพย์ ด้วยการยึดรถแล้วรีดทรัพย์  ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา(6ก.พ.2560) ได้รับแจ้งว่ามีเหตุในลักษณะเดียวกันในท้องที่ สภ.ปราณบุรี จึงประสานจ.ส.อ.สมพร หงษ์ทอง  หัวหน้าชุดปฏิบัติการประสานงานศูนย์การทหารราบ ศร.พัน.2 ค่ายธนะรัชต์ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 10 นาย ออกติดตามคนร้าย และสามารถติดตามตัวนายเอก (นามสมมุติ) ผู้เสียหายซึ่งมีอาชีพขายน้ำหอมได้ หลังถูกนำมาปล่อยทิ้งไว้บริเวณชายทะเลปากน้ำปราณ โชคดีที่ยังไม่ได้ถูกทำร้าย 

ก่อนหน้านี้ภรรยาของนายเอกแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีชายฉกรรจ์ 2 คน ขับขี่รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ สีบอรนซ์เงิน ไม่ทราบทะเบียน มาจอดที่หน้าบ้านพักภายในหมู่บ้านเอื้ออาทรปราณบุรี เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. พร้อมร้องขอกุญแจรถ โดยอ้างว่าเป็นพนักงานไฟแนนท์แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคู่สัญญาของรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อเชฟโรเลต ครูซ สีขาว ทะเบียน 1กง2555 กรุงเทพฯ ที่ตนเพิ่งซือมา รถคันนี้ผู้เสียหายและภรรยาซื้อมาจากเว็บที่อ้างว่าเป็นรถหลุดจำนำและเพิ่งไปรับรถมาจากกรุงเทพฯเมื่อ 4 วันก่อน ในราคา 1 แสน 8 หมื่นบาท  ก่อนถูกชายฉกรรจ์มาอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ไฟแนนท์ แล้วบุกนำตัวผู้เสียหายไปจากบ้านพัก ท่ามกลางความตกใจของภรรยาและเพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์

นายเอก (นามสมมุติ) ผู้เสียหายเล่าว่า หลังขึ้นรถมากับกลุ่มชายฉกรรจ์ ตนถูกสั่งให้ย้ายไปนั่งบนรถฮอนด้าแจ๊ส และมีชายในรถร้องขอเงินเพื่อเคลียร์ปัญหาเป็นจำนวน 5หมื่นบาท แต่ตนบอกไปว่าไม่มีเงินแล้ว ทำให้ชายคนดังกล่าวหงุดหงิด แล้วอ้างว่าจะต้องยึดรถ ก่อนทำทีเป็นโทรศัพท์คุยกับใครบางคน ภายหลังบอกให้ตนจ่ายเงินทั้งหมด 6 หมื่นบาทจึงจะคืนรถให้ ระหว่างเจรจารถยนต์ฮอนด้าแจ๊สที่ตนนั่งอยู่ก็จะขับวนไปเรื่อยๆ จนตนเริ่มเครียด และรับปากว่าจะยอมจ่าย แต่ต้องขอเวลาเพื่อหาเงินก่อน ขณะนั้นมีการต่อรองกับคนที่อ้างว่าเป็นนายใหญ่  ซึ่งตนก็นึกเอะใจมาแต่แรกแล้วว่าไม่น่าจะใช่ไฟแนนซ์จริง เพราะมีพฤติกรรมที่ผิดปกติเพราะไม่พาเข้าไปคุยที่บริษัท จึงทำทีขอโทรศัพท์แจ้งภรรยาบอกให้เอาทองไปจำนำ ซึ่งภรรยาได้ส่งสัญญาณบอกตนว่าได้แจ้งตำรวจแล้วให้รอและถ่วงเวลา กระทั่งเวลาผ่านไปใกล้เที่ยงวันชายฉกรรจ์ในรถเริ่มระแวงมากขึ้น จึงจอดรถปล่อยตนลงไว้ริมชายทะเลปากน้ำปราณ ก่อนขับหายไปพร้อมกับรถยนต์เชฟโรเลต ครูซ สีขาวของตนที่เพิ่งซื้อมา 

ร.ต.อ.จักริน ภิรมย์เทวา รองสารวัตรสืบสวนภาค7 กล่าวอีกว่า หลังเช็คข้อมูลทั้งหมดจึงได้กระจายกำลังออกติดตามคนร้าย และพบผู้ต้องหารวม 4 คน ซ่อนตัวอยู่ในบ้านพักแห่งหนึ่งใน ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้แก่ นายอนุวัฒน์ อายุ 25 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช ,นายจักรกฤษณ์ อายุ 22 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช ,นายปราโมช อายุ 39 ปี ชาว จ.ประจวบคีรีขันธ์ และนายธีระศักดิ์ อายุ 22 ปี ชาว จ.ตรัง  พร้อมของกลางรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อเชฟโรเลต ครูซ สีขาว ทะเบียน 1กง2555 กรุงเทพฯ และมีรถยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ อีก 2 คัน คือ รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีบอรนซ์เงิน ทะเบียน บธ9036ประจวบคีรีขันธ์  และรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า อัสติส สีดำ ทะเบียนป้ายแดง อ-4257 กรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังมีรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีบอรนซ์เงิน ทะเบียน กจ3892ประจวบคีรีขันธ์  จึงอายัตรถยนต์ทั้ง 4 คันไว้ตรวจสอบ เบื้องต้นพบมีการสวมทะเบียนปลอมด้วย

จากนั้นทหารได้เข้าค้นบ้านหลังดังกล่าว พบอาวุธปืนยี่ห้อบาเร็ตต้าขนาด 9 มม. พร้อมเครื่องกระสุนอยู่ในรังเพลิงและแม็กกาซีนรวม 4 นัด ,เครื่องกระสุนในกล่องยังไม่ได้ใช้งานอีก 25 นัด และปลอกกระสุนขนาด 9 มม.ที่ผ่านการใช้งานแล้วในกระเป๋าหนัง 52 ปลอก ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาสอบสวนที่ สภ.ปราณบุรี  และผลการตรวจปัสสาวะของ 1ใน 4 ผู้ต้องมีการเสพยาเสพติด

เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง แต่รับเพียงว่าเพิ่งทำได้เพียง 2 ครั้ง โดยที่บริษัทไฟแนนท์ต้นสังกัดไม่ทราบเรื่อง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากพฤติกรรมก่อเหตุมีการวางแผนเป็นอย่างดี และทำเป็นกระบวนการ มีคนร่วมมือจำนวนมาก และเชื่อว่าน่าจะมีเครือข่ายในหลายจังหวัด  และเมื่อตรวจสอบกลับไปยังบริษัทไฟแนนท์สำนักงานใหญ่ ที่ จ.สงขลาที่กลุ่มคนร้ายอ้างชื่อ ทางบริษัทยอมรับว่าผู้ต้องหาทั้ง4รายเคยเป็นพนักงานจริงแต่ถูกให้ออกจากงานทั้งหมดแล้ว

เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาหนักใน 5 ข้อหาฉกรรจ์คือ ความผิดตาม ป.อาญา ,พรบ.อาวุธปืน และ พรบ.ยาเสพติด ด้วย พร้อมนำตัวส่งเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป  และขยายผลออกหมายเรียกเจ้าของเว็บไซด์รถหลุดจำนำมาตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย