กลับบ้านแล้ว! ผู้ชุมนุมค้านถ่านหินกระบี่แยกย้าย หลังรัฐบาล ยกเลิก EHIA

การชุมนุมต่อต้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ซึ่งในวันนี้ (19 ก.พ. 60) ตัวแทนจากรัฐบาลได้เข้ามาเจรจากับทางผู้ชุมนุมเป็นครั้งแรก และล่าสุดทางกลุ่มต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน ได้ยุติการชุมนุมแล้ว

วันนี้ (19 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มชุมนุมต้านถ่านหินกระบี่ แยกย้ายกลับภูมิลำเนา ด้วยรถบัสที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมให้ หลังจากที่พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล และ พล.ท.อภิรัช คงสมพง แม่ทัพภาค 1 นำแกนนำผู้ชุมนุนทั้ง 5 คนที่ถูกคุมตัวก่อนหน้านี้ มาแถลงยืนยันว่าการประชุมจะยกเลิกรายงานอีเอชไอเอโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดกระบี่ ทำให้ผู้ชุมนุมพอใจกับผลการชี้แจงในวันนี้

ด้าน นายประสิทธิชัย หนูนวล แกนนำเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน มั่นใจว่าหากทำอีเอชไอเอครั้งใหม่อย่างถูกต้อง การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินอาจไม่สามารถสร้างได้ ซึ่งหากต้องการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ขอให้ไปเริ่มกระบวนการใหม่ที่ถูกต้อง หรือ เซนซีโร่

ขณะที่ นางรวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดกระบี่ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ถอดรายงานการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หรือ อีเอชไอเอ ออกจากการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) ตั้งแต่ปี 58

หลังจากเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินและชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างโรงไฟฟ้า ได้เรียกร้องให้ทำการตรวจสอบรายงานที่พบข้อบกพร่องและความไม่สมบูรณ์ในข้อมูลหลายประเด็น ทั้งผลกระทบต่อพื้นที่ชุ่มน้ำ ปากแม่น้ำกระบี่ และผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยว กระทั่งต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีข้อเสนอให้ตั้งคณะกรรมการไตรภาคีขึ้น ซึ่งเป็นขั้นตอนส่วนหนึ่งในการหารือร่วมกัน โดยมีตัวแทนจากทุกฝ่ายเข้าร่วมเพื่อหาทางออก

นอกจากนี้เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวอีกว่า ขณะนี้ผ่านมากว่า 1 ปีแล้ว เจ้าของโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินยังไม่มีการส่งรายงานอีเอชไอเอเข้ามาพิจารณารอบใหม่ ถึงแม้การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมา จะมีมติให้เดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดกระบี่ก็ตาม แต่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยยังต้องส่งรายงานอีเอชไอเอมาให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยยากรธรรมชาติฯ จากนั้นต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป