อ.เฉลิมชัย โวยแหลกคนเอารูปวัดร่องขุ่นทำกล่องช็อกโกแลตขาย

อ.เฉลิมชัย โวยแหลกคนเอารูปวัดร่องขุ่นทำกล่องช็อกโกแลตขาย

อ.เฉลิมชัย โวยแหลกคนเอารูปวัดร่องขุ่นทำกล่องช็อกโกแลตขาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(23 ก.พ.)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่วัดร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง จ.เชียงราย อาจารย์เฉลิมชัย โฆฆิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติและผู้สร้างศิลปะวัดร่องขุ่นที่โด่งดัง ได้นำกล่องผลิตภัณฑ์ขนมช็อกโกแลตออกมาแสดงต่อสื่อมวลชนเพื่อประกาศว่าในปัจจุบันศิลปะวัดร่องขุ่นได้ถูกละเมิดลิขสิทธิ์

โดยกล่องดังกล่าวมีขนาดกะทัดรัดพอถือระบุเป็นกล่องช็อกโกแลตที่ผลิตโดย "ล็อตเต้ ซางไฮ ฟู๊ดส์ ประเทศจีน" และนำเข้าและจัดจำหน่ายโดยบริษัทในประเทศไทย ข้างกล่องมีรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งส่วนผสม วันเวลาการผลิตและหมดอายุและอื่นๆ กล่องมีปริมาณสุทธิ 196 กรัม จำหน่ายในราคากล่องละ 199 บาท ภายในบรรจุช็อกโกแลตก้อนเล็กเป็นช่องๆ ประมาณ 21 ช่องพร้อมการห่อหุ้มอย่างดี

และสิ่งที่อาจารย์เฉลิมชัย ระบุว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์คือภาพวัดร่องขุ่นที่ระบุหน้ากล่องซึ่งเป็นภาพถ่ายจากด้านข้างด้านสระน้ำของอุโบสถขาวซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม ประติมากรรมและจิตรกรรม หลักภายในวัดร่องขุ่นอันงดงาม โดยมีการระบุชื่อวัดร่องขุ่นเป็นชื่อกล่องผลิตภัณฑ์เอาไว้ด้านล่างซ้ายด้วยอักษรภาษาอังกฤษสีทองบนพื้นทองอย่างชัดเจน ส่วนมุมบนขวาและมุมล่างซ้ายมีศิลปะตกแต่งให้ดูสวยงามด้วย

อาจารย์เฉลิมชัย ระบุว่าได้มีผู้พบเห็นกล่องช็อกโกแลตดังกล่าวถูกวางจำหน่ายไปทั่วทั้งที่สนามบิน ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ร้านค้าสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ โดยมีการนำภาพดังกล่าวที่ระบุชื่อวัดร่องขุ่นเอาไว้อย่างชัดเจนระบุบนกล่องซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเจ็บอกเจ็บใจเป็นอย่างมาก เพราะตนไม่อยากให้มีการละเมิดลิขสิทธิ์เพราะมีกรณีคนใช้ปัญญาคิดค้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งขึ้นมาแล้วกลับถูกกลุ่มคนนำไปลอกเลียนแบบแล้วทำให้เขาเสียหายหรือเจ๊งมาแล้ว และถือว่าการลอกของๆ ของคนอื่นไปไม่เป็นการเคารพเจ้าของลิขสิทธิ์โดยเฉพาะด้านศิลปะที่คนสร้างเขาทุ่มเทด้วยความรักและศรัทธา โดยเฉพาะศิลปะวัดร่องขุ่นสร้างขึ้นโดยมอบให้กับประเทศชาติและคนไทยทุกคน แต่กลับมีคนนำเอาไปทำมาหากินไปเสียครั้นจะมาอ้างว่าไม่รู้กฎหมายคงไม่ได้เพราะก็เห็นกันอย่างชัดเจนเช่นนี้แล้ว

อาจารย์เฉลิมชัย กล่าวว่าปัจจุบันมีผู้เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์นี้โทรศัพท์ไปหาตนผ่านทางญาติๆ แล้วเพื่อขอเจรจาโดยอ้างว่าใช้ภาพลิขสิทธิ์จากภาพถ่าย แต่ตนเห็นว่าเป็นคนละเรื่องกันเพราะถือว่าเป็นการเอาศิลปะนี้ไปทำมาหากิน ไม่ได้เอาไปเพื่อชื่นชมหรือเพื่อสาธารณกุศล ดังนั้นการจะเอาไปใช้เช่นนี้จะต้องมาขออนุญาตตนก่อนซึ่งตามปกติหากมีการนำไปใช้เพื่อสาธารณกุศล บริจาคทาน ฯลฯ ตนก็ไม่เคยขัดข้องหรือหากประสงค์จะเอาศิลปะของตนที่มีอยู่แล้วไปใช้ก็ต้องรอให้ตนเสียชีวิตไปแล้วเป็นเวลา 50 ปีเสียก่อนแต่หากตนยังคงอยู่ก็ขอให้มาคุยกันก่อนว่าจะแบ่งปันเพื่อสาธารณกุศลอย่างไร เช่น บริจาคให้เด็กกำพร้า บ้านพักเด็ก นำไปประกอบหนังสือธรรมะ ฯลฯ ขณะที่ส่วนตัวของตนแล้วไม่ต้องการสิ่งใดเลย

"แต่นี่กลับเอาวัดมาขายช็อกโกแลต คนทำแม้จะทำในจีนแต่ก็เป็นคนไทยนี่แหละที่ทำ แล้วก็เป็นคนรวยอยู่แล้วด้วยจะเอาร่ำรวยและเอาเปรียบคนอื่นไปถึงไหนกัน รวยแล้วก็ยังอยากจะรวยอีก วัดร่องขุ่นเป็นของประชาชนแม้แต่ครอบครัวของผมก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เอาวัดไปตั้งร้านค้าหรือเข้าไปค้าขายภายในวัด ปัจจุบันจึงมีนักกฎหมายมากมายที่เข้าขอฟ้องร้องให้ผมก็บอกว่าโอเคยังสบายๆ อยู่" อาจารย์เฉลิมชัย กล่าวและว่าคาดว่าคงจะมีตัวแทนบริษัทเข้ามาหาตนซึ่งตนก็คงจะขอให้มีการนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายสินค้าซึ่งขายกันมานานจนได้เงินไปมากมายแล้วให้นำมาบริจาคเพื่อการกุศล เช่น เด็กกำพร้า บ้านพักเด็ก ฯลฯ หากว่ายังไม่ไปพบตนก็คงต้องเป็นไปตามกระบวนการ

อาจารย์เฉลิมชัย กล่าวด้วยว่าในอดีตเคยมีการละเมิดศิลปะของตนมาแล้วมากมาย โดยครั้งหนึ่งมีการนำภาพศิลปะของตนไปทำเป็นจิ๊กซอว์จำหน่ายในประเทศจีน จึงมีการตามไปสืบหาและฟ้องร้องกันแต่กลุ่มทุนพวกนี้ใช้ชาวบ้านที่ยากจนเป็นชื่อเจ้าของผลิตภัณฑ์ดังนั้นเมื่อมีการฟ้องร้องจนถึงขั้นขึ้นศาลและเปรียบเทียบปรับกันไปแล้วก็ไม่ได้ทำสิ่งใดต่อเพราะจะไปเอาความจากคนจนมากก็ไม่ได้จึงปล่อยตัวไป แต่กรณีผลิตภัณฑ์ช็อคโกแลตนี้ถือว่ามีความชัดเจนกว่ามากตนจึงอยากให้เป็นกรณีศึกษาหรือตัวอย่างเพื่อไม่ให้ผู้ที่ทุ่มเทกับงานไม่ว่าจะเป็นผลงานทางศิลปะ เพลง ฯลฯ ถูกละเมิดกันอีกต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook