ช็อกโกแลตใช้รูปวัดร่องขุ่น โผล่ขอโทษแล้ว อ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (23 ก.พ.) ความคืบหน้ากรณีได้มีกล่องผลิตภัณฑ์ขนมช็อกโกแลต หน้ากล่องเป็นภาพวัดร่องขุ่นและจำหน่ายด้วยชื่อวัดร่องขุ่น จนทำให้อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติผู้สร้างศิลปะวัดร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง จ.เชียงราย ได้ออกมาระบุว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ และเป็นการทำที่ไม่เหมาะสมเพราะนำศิลปะไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวทางธุรกิจนั้น
ล่าสุด ได้มีนายเศวต กรรมการอาวุโส บริษัทแห่งหนึ่ง ถนนนนทรี เขตยานาวา กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบริษัทที่นำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เดินทางไปพบอาจารย์เฉลิมชัยที่วัดร่องขุ่นในวันเดียวกัน
โดยนายเศวตและคณะจากบริษัทได้กล่าวขอโทษอาจารย์เฉลิมชัย พร้อมระบุว่า กระทำลงไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะบริษัทได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชนิดนี้มานานแล้วโดยใช้ภาพที่บ่งชี้ถึงวัฒนธรรมไทย จึงได้นำภาพวัดร่องขุ่นที่มีความงดงามไปประกอบกล่องสินค้าดังกล่าว
นายเศวต กล่าวว่า บริษัทของตนประกอบการในลักษณะครอบครัวมานานกว่า 40 ปีตั้งแต่รุ่นปู่แล้ว โดยนำเข้าและจำหน่ายสินค้าในลักษณะเดียวกันเพราะมีปรัชญาของบริษัทในการส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและคืนสู่สังคม และในช่วง 10 ปี ก่อนหน้านี้ได้ใช้ภาพผ้าไหมมัดหมี่ของไทยประกอบ
กระทั่งล่าสุดฝ่ายการตลาดของบริษัทก็เห็นว่าภาพวัดร่องขุ่นมีความงดงาม และบ่งบอกถึงวัฒนธรรมไทยเช่นกัน รวมทั้งเห็นว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ เขาก็ทำกันอย่างนี้หลายราย จึงได้ซื้อภาพมาจากเว็บไซต์ที่จำหน่ายภาพดังกล่าวมาประกอบผลิตภัณฑ์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะลิขสิทธิ์นั้นครอบคลุมเฉพาะภาพนั้นๆ แต่ไม่ได้ครอบคลุมถึงความเป็นศิลปะตามที่อาจารย์เฉลิมชัยได้แจ้งด้วย
ดังนั้นภายหลังได้พบกับอาจารย์แล้วได้มีให้เก็บสินค้าในตลาดทั้งหมด ซึ่งได้วางจำหน่ายอยู่ประมาณ 8,000 กล่อง ส่วนที่ติดอยู่กับตามแผงก็แจ้งให้ร้านต่างๆ ทราบว่าไม่สามารถจำหน่ายได้เพราะจะได้นำไปทำลายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าภายหลังจากที่อาจารย์เฉลิมชัยได้ตำหนิติเตียนการกระทำดังกล่าว และกล่าวสั่งสอนเรื่องเกี่ยวกับลิขสิทธิ์และความเคารพต่อศิลปะแล้ว ก็ได้ให้อภัยทุกอย่างซึ่งทางนายเศวตและเจ้าหน้าที่บริษัทรับจะนำเงินรายได้ไปบริจาคเพื่อสาธารณกุศล
ซึ่งอาจารย์เฉลิมชัยได้ประสานโรงเรียนการศึกษาคนตาบอดแม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อให้ไปรับเงินบริจาคจากบริษัทเป็นเงินจำนวน 500,000 บาท ทำให้เรื่องราวดังกล่าวได้ข้อยุติในที่สุด
อาจารย์เฉลิมชัย กล่าวว่า กรณีจะมีการนำภาพศิลปะวัดร่องขุ่นไปใช้ประโยชน์นั้นสามารถทำได้ แต่ต้องไปปรึกษาหารือกับตนเสียก่อน โดยที่ผ่านมาก็มีหลายรายที่นำผลิตภัณฑ์ของตนไปปรึกษาซึ่งหากว่ามีการนำไปช่วยเหลือด้านสาธารณกุศล หรือไม่มุ่งผลประโยชน์เข้าตัวเองตนก็ไม่ได้ห้ามปรามเลย
แต่ถ้านำไปใช้ทางธุรกิจฝ่ายเดียวจะทำให้เกิดความเสียหาย เพราะที่ผ่านมาศิลปะของตนสร้างขึ้นเพื่อสาธารณะทุกคนได้ประโยชน์ร่วมกัน แต่กรณีนี้ตนได้ไปสอบถามที่ร้านค้าแห่งหนึ่งหลังมีการเก็บผลิตภัณฑ์ไปแล้ว กลับมีคนถามหาซื้ออีกเพราะคิดว่าเป็นของวัดร่องขุ่น และคิดว่าวัดร่องขุ่นทำธุรกิจเช่นนี้ แต่เมื่อได้แก้ไขและร่วมบริจาคทานเช่นนี้แล้ว ก็ให้อภัยหมดทุกอย่าง