โดนัลด์ ทรัมป์ แถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภาคองเกรสครั้งแรก
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขึ้นแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภาคองเกรสครั้งแรกเน้นการป้องกันประเทศ
นายโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงต่อหน้าสภาคองเกรส ครั้งแรก หลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2560 โดย ทรัมป์ เริ่มต้นด้วยการเตือน ให้นึกถึงสิทธิของพลเมือง และการทำงานที่ยังคงต้องทำต่อไป พร้อมกับย้ำว่าที่มาดำรงตำแหน่งนี้และการได้มายืนต่อหน้าสภาคองเกรสนี้ เพื่อที่ต้องการที่จะส่งข้อความ ความสามัคคี และความมั่นคงของชาติ นอกจากนี้ ยังระบุถึงการให้ความสำคัญต่อกองทัพ ซึ่งเป็นสาเหตุในการพิจารณาเพิ่มงบประมาณให้กับกระทรวงกลาโหม ว่า เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ปกป้องบ้านเมือง เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในประเทศ สมควรที่จะได้ค่าตอบแทนที่คุ้มค่า
ทั้งนี้ นโยบายการลดภาษีนั้น ทรัมป์ กล่าวว่า การลดภาษีเป็นไปเพื่อการดึงดูดนักลงทุน ซึ่งมีหลายบริษัทมากที่จะนำเงินพันล้าน หมื่นล้าน มาลงทุนในสหรัฐฯ ในอนาคตอันใกล้นี้
สำหรับในด้านการปกป้องประเทศ ที่มีการกีดกันผู้อพยพที่เดินทางมายังสหรัฐฯ ก็เพื่อป้องกันการก่ออาชญากรรม การป้องกันยาเสพติด ที่จะเขามาทำร้ายเยาวชนอเมริกัน ซึ่งรัฐบาลต้องสร้างมาตรการที่แข็งแกร่ง เพื่อปกป้องประเทศ จากกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลามที่จ้องทำลายสหรัฐฯ ส่วนในเรื่องของการชุมนุมหรือรวมตัวของชาวมุสลิมสหรัฐฯ ในมัสยิดทั่วประเทศ ทรัมป์ บอกว่า ไม่สามารถที่จะอนุญาตให้ประเทศสหรัฐฯ กลายเป็นแหล่งซ่องสุมของมุสลิมสุดโต่งได้ ส่วนการจัดการกับกลุ่มก่อการร้าย ผู้นำสหรัฐฯ รับปากว่า จะร่วมมือกับชาติพันธมิตรและกำจัดไอซิสให้หมดไปจากโลกนี้ด้วย
ส่วนในเรื่องของเศรษฐกิจ ทรัมป์ กล่าวว่า ทีมเศรษฐกิจจะเดินหน้าปฏิรูปภาษีเพื่อช่วยลดภาษีให้กับบริษัทอเมริกัน และยังกล่าวถึงการค้าเสรีว่าเขาเชื่อมั่นในเรื่องนี้ แต่ต้องเป็นการค้าขายที่เท่าเทียมกันด้วย พร้อมรับปากว่าจะ ยื่นเสนองบประมาณต่อสภาคองเกรส สำหรับงบลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วย
ด้าน การสาธารณสุข ทรัมป์ยืนยันว่า โอบามาแคร์ต้องยกเลิกไป และรัฐบาลจะต้องทำหน้าที่พิทักษ์ผลประโยชน์ของประชาชน สำหรับนโยบายการรักษา ทรัมป์ ระบุว่า รัฐบาลของเขา ต้องการให้เด็ก เข้าถึงสิทธิการรักษาด้วย
ทางด้านความสัมพันธ์กับชาติยุโรป ที่เป็นพันธมิตรเดิม ทรัมป์ กล่าวว่า จะยังคงให้การสนับสนุนนาโต้ต่อไป ซึ่งนาโต้ถือเป็นตัวเชื่อมความสำพันธ์หว่างสหรัฐฯ และยุโรปมาโดยตลอด และนับจากนี้ไป สหรัฐฯ จะให้แรงบันดาลใจชักนำ และไม่ต้องตกอยู่ในความกลัวอีกต่อไป