อธิบดี DSI อัดกลับ! “อย่าบิดเบือน” ธรรมกายโยงข่าว ปมศพที่ 2 เซ่น ม.44

อธิบดี DSI อัดกลับ! “อย่าบิดเบือน” ธรรมกายโยงข่าว ปมศพที่ 2 เซ่น ม.44

อธิบดี DSI อัดกลับ! “อย่าบิดเบือน” ธรรมกายโยงข่าว ปมศพที่ 2 เซ่น ม.44
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

01 มี.ค.60- เฟซบุ๊ก ที่ใช้ชื่อว่า Phra Sanitwong Charoenrattawong ได้โพสต์ข้อความว่า R.I.P ศพที่ 2 ของ ม.44 พร้อมภาพของ น.ส.พัฒนา เชียงแรง ผู้เสียชีวิต

โดยเฟซบุ๊ค ดังกล่าว ระบุว่า R.I.P ศพที่ 2 ของ ม.44

เวลา 11.29 น. ได้รับแจ้งจากผู้ป่วยโรคหอบหืด ต้องการยาพ่น ซึ่งพักอยู่ที่หลังวัด ( 58 ไร่) ซึ่งปกติจากจุดรับเรื่องถึงที่พักผู้ป่วยใช้เวลาเดินทางเลียบคลองแอล 10 นาที แต่ทางหน่วยกู้ชีพรัตนเวช ติดด่านตำรวจทหาร เพราะตัดสินใจไม่ได้ ต้องถามสอบเจ้าหน้าที่ DSI เท่านั้น หน่วยฯรัตนเวชที่รับเรื่องจึงได้ประสานงานให้รถหน่วยกู้ชีพ 1669 ให้ไปรับคนไข้แทน แต่รถ 1669 มาตามเส้นทางไม่ถูก และไม่ได้รับอนุญาตให้รับคนไข้ที่อื่น นอกจากประตู 7 เท่านั้น 

อาสาสมัครรัตนเวช แจ้งว่า ต้องเสียเวลา ย้อนไปที่ประตู 7 เพื่อทำเรื่องขออนุญาต และนำทางให้รถ 1669 ไปรับผู้ป่วย เมื่อไปถึงในเวลา 12.39 น. พบผู้ป่วยได้เสียชีวิตแล้ว เสียเวลาในการติดต่อและผ่านเจ้าหน้าที่ ทั้งหมด 1 ชั่วโมง 10 นาที ระหว่างประสานงานติดต่อผู้ป่วยไม่ได้ เพราะสัญญาณโทรศัพท์ขาดๆ หายๆ
(ชื่อผู้เสียชีวิต น.ส.พัฒนา อายุ 48 ภูมิลำเนาจังหวัดพะเยา เป็นลูกศิษย์วัด ช่วยงานพยาบาลศูนย์รัตนเวช)

ด้านเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.พัฒนา ว่า น.ส.พัฒนา เป็นศิษย์ของวัดพระธรรมกายจริง แต่ได้เสียชีวิตนอกวัด ขณะที่กำลังนำส่งโรงพยาบาล ตอนนี้กำลัง สอบปากคำ เจ้าหน้าที่กู้ภัย ที่สภ. คลองหลวง  ส่วน ศพของ น.ส.พัฒนา อยู่ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ 

ด้านเฟซบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า โก๋หลังวัด ได้เผยแพร่ ภาพพร้อมข้อความการสนทนาครั้งสุดท้ายผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ ของ น.ส.พัฒนา ว่า

แชทสุดท้าย เวลา 11.35 น. ที่คุณพัฒนา ผู้เสียชีวีต ได้พยายามติดต่อขอความช่วยเหลือ จาก จนท. พยาบาล แต่ไม่สามารถไปช่วยได้ทัน ทั้งๆที่ จนท. พยาบาลอยู่ห่างเพียง 10 นาทีเท่านั้น
แต่สุดท้ายแล้ว เจ้าหน้าที่ไปถึงเวลา 12.39 น. พบว่าเสียชีวีตแล้ว

สรุปเหตุการณ์คร่าวๆ
– ผู้ตาย ติดต่อ หาเพื่อน เวลา 11.35 น. ผ่านทางไลน์ 
– ประตูถูกปิด ใช้เวลาเดินทางนานเกินไป เพราะต้องประสาน dsi ประตู7
– ไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้ เพราะสัญญาณถูกตัด จึงประสานงานลำบาก
– เดินทางถึงจุดที่ผู้ตายอยู่ 12.39

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ไพสิฐ  วงศ์เมือง  อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ ) เปิดเผยว่า  ตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเวลา 13.51 น.  เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้รับการประสานจากญาติเพื่อขอรถพยาบาลนำผู้ป่วยเพศหญิงอายุ 48 ปี อาการหอบส่งโรงพยาบาล โดยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอประสานขอรถพยาบาลเพื่อไปรับผู้ป่วยกรณีดังกล่าวและได้ประสาน พระมหานพพร ปุญฺญชโย ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย ได้รับคำตอบว่าผู้ป่วยได้เสียชีวิตแล้ว 

เจ้าหน้าที่ดีเอสไอจึงเดินทางเข้าไปยังที่เกิดเหตุพร้อม ญาติผู้เสียชีวิต พระมหานพพรและพระสงฆ์อีก 1 รูป เมื่อถึงที่พักซึ่งเป็นแฟลตของเจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกาย  ตั้งอยู่เลียบคลองแอลประตู 14  ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุม  เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ พบ ร.ต.อ.อดิศักดิ์  คชศักดิ์  รองสารวัตรสอบสวนสภ.คลองหลวง เจ้าของคดีและแพทย์ที่ชันสูตรอยู่ก่อนแล้ว  สอบถามเบื้องต้นแพทย์คาดว่าเสียชีวิตไปแล้วไม่น้อยกว่า 5 ชั่วโมง ซึ่งแพทย์จะชันสูตรหาสาเหตุการตายต่อไป ข่าวที่เกิดขึ้นจึงเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง 

ขณะที่ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์  รักศักดิ์สกุล  รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ  กล่าวว่า  ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่มีความกังวลเรื่องความเจ็บป่วยของเจ้าหน้าที่  ในการประชุมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา( 1 ก.พ.) จึงได้มีการหารือกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน(สพฉ.) ที่ร่วมเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการ ขอให้จัดรถกู้ชีพ 1669 เข้าไปตรวจอาการมวลชนที่อยู่ภายในวัด เพื่อจะได้รู้ด้วยว่าวัดจะอนุญาตให้รถเข้าไปหรือไม่ แต่ก็เกิดกรณีดังกล่าวขึ้นก่อน

ด้านพ.ต.ท.กรวัชร์  ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ยืนยันว่าหลังชุดปฏิบัติคดีพิเศษ ปพ.ของดีเอสไอได้รับแจ้งเหตุผู้ป่วยได้นำรถฉุกเฉินเข้าไปถึงจุดเกิดเหตุใช้เวลาเพียง 10 นาที  แต่เมื่อไปถึงพบผู้ป่วยเสียชีวิตไปแล้ว  แพทย์ผู้ชันสูตรให้ข้อมูลเบื้องต้นว่าเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง ดังนั้นต้องตรวจสอบต่อไปว่าเหตุใดยังมีข้อมูลทางไลน์ปรากฏการติดต่อจากโทรศัพท์มือถือของผู้เสียชีวิตขอความช่วยเหลือไปยังเพื่อนที่อยู่ในอาคารบุญรักษาในเวลาประมาณ11.00 น. ได้ ทั้งนี้กรณีขวางรถพยาบาลฉุกเฉินเข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook