เตรียมตั้งเพดานค่าโดยสารสายการบินโลว์คอส

นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กล่าวว่า คณะกรรมการการบินพลเรือน หรือ กบร. ได้กำกับดูแลราคาค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินด้วยการกำหนดเพดานอัตราค่าโดยสารในปัจจุบัน คือ ระยะทางไม่เกิน 300 กิโลเมตร ค่าโดยสาร 22 บาทต่อกิโลเมตร และมากกว่า 300 กิโลเมตร เพดานอยู่ที่ 13 บาทต่อกิโลเมตร แต่ทาง กบร.เห็นว่าควรจะปรับเพดานค่าโดยสารใหม่ โดยแยกเพดานตามรูปแบบการให้บริการของสายการบิน หรือแบ่งเป็น 2 แบบ คือ เพดานราคาสายการบินโลว์คอส และเพดานราคาสายการบินฟูลเซอร์วิส โดยหลังจากนี้ กพท. จะไปกำหนดมาตรฐานการให้บริการพื้นฐานบนเครื่องบินก่อนว่า ประกอบด้วยอะไรบ้าง เพื่อนำมาคิดต้นทุนอัตราค่าโดยสารโลวส์คอสและกำหนดเป็นเพดานราคาสูงสุดต่อไป ทั้งนี้คาดว่าจะบังคับใช้เพดานค่าโดยสารใหม่ได้ภายในกลางปีนี้

นายจุฬา ยอมรับว่า การปรับดังกล่าวอาจไม่ส่งผลต่อราคาโปรโมชั่นโลว์คอสมากนักเนื่องจากมีการแข่งขันกันอยู่แล้ว แต่จะทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินนาทีสุดท้าย (Last Minute Deal) มีราคาถูกกว่าสายการบินแบบฟูลเซอร์วิสแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ด้านสายการบินฟูลเซอร์วิส มีโอกาสที่จะปรับราคาให้สูงกว่าราคาเพดานเดิมคือ 13 บาทต่อกิโลเมตร เนื่องจากเพดานราคาดังกล่าวใช้มาตั้งแต่ปี 2553 จึงทำให้รายจ่ายของสายการบินในปัจจุบันไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ทั้งด้านค่าแรง 300 บาทต่อวัน และราคาน้ำมันหล่อลื่นที่ปรับตัวสูงขึ้น 4-5 บาท

ทั้งนี้ เรื่องการเรียกเก็บภาษีน้ำมันสรรพสามิตในอัตรา 150 บาท ที่ผ่านมานั้น ทางกบร.ได้เห็นว่าควรจะนำค่าน้ำมันที่เรียกเก็บเพิ่ม ไปนำไปรวมกับค่าโดยสารเลยเพราะถือเป็นหนึ่งในต้นทุนของสายการบิน ตลอดจนเปิดโอกาส ให้ กบร.เข้าไปกำกับดูแลและบริหารจัดการโครงสร้างราคาในอนาคตได้ ดังนั้นจึงได้สั่งห้ามให้แต่ละสายการบิน เรียกเก็บค่าภาษีน้ำมันสรรพสามิต แยกออกมาต่างหากไปแล้ว โดยการขึ้นราคา 150 บาทนั้นถือว่าสมเหตุสมผล เพราะยังปรับขึ้นน้อยกว่าอัตราผลกระทบเฉลี่ยที่อยู่ระหว่าง 150-204 บาท/ที่นั่ง