“ตร.” รับลูก “ดีเอสไอ” เจอ “พระสนิทวงศ์” จับทันที

“ตร.” รับลูก “ดีเอสไอ” เจอ “พระสนิทวงศ์” จับทันที

“ตร.” รับลูก “ดีเอสไอ” เจอ “พระสนิทวงศ์” จับทันที
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ   กล่าวถึงความคืบหน้าการค้นวัดพระธรรมกายและดำเนินการกับพระพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย หลังไม่มารายงานตัวตามคำสั่งคสช. และใช้โซเชียล มีเดียให้ข่าวสารในเเง่ลบกับรัฐบาลว่า ตนได้รับทราบจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ถ้าเจ้าหน้าที่พบเห็นให้ดำเนินการจับกุมตามอำนาจหน้าได้ทันที พร้อมกับให้สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) นำตัวพระสนิทวงศ์มารับทราบข้อกล่าวหาในฐานะที่ปกครองคณะสงฆ์

"มาตรการตรงนี้มีความชัดเจนอยู่แล้ว และการทำงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด  จึงต้องอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น โดยเฉพาะ พศ. สำหรับพระสนิทวงศ์ นอกจากจะถูกดำเนินคดีข้อหาไม่มารายงานตัวตามคำสั่ง คสช.แล้ว ยังมีข้อหาการยุยงปลุกปั่น หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เเละมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ด้วย 

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายตามกรอบของกฎหมาย ถ้าพระสนิทวงศ์ยังไม่มารับทราบข้อกล่าวหา มาตรการต่อไปคือออกหมายจับ ที่ผ่านมาใช้การเจรจาเป็นหลัก แต่เมื่อใช้ไม่ได้ผลต้องมีบังคับใช้กฎหมายเด็ดขาด ส่วนกรณีที่พระสนิทวงศ์นำภาพและไลน์ของน.ส.พัฒนา เชียงเเพง ที่เสียชีวิตด้วยปอดติดเชื้อออกมาเผยแพร่ในโลกโซเชียลมีเดีย พนักงานสอบสวนกำลังตรวจข้อมูลว่า มีความผิดหรือไม่

"สำหรับการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย เจ้าหน้าที่มีแผนจะยกเลิกการตรวจค้นหรือไม่นั้น ต้องไปถามดีเอสไอ ในส่วนตำรวจเป็นเพียงหน่วยสนับสนุนกำลัง และป้องกันเหตุแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นบริเวณโดยรอบวัดพระธรรมกาย ขณะนี้ยังคงกำลังไว้อยู่ จะลดหรือจะเพิ่มกำลังทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์แต่ละวัน และไม่สามารถประเมินได้ว่า สถานการณ์จะยืดเยื้อยาวนานแค่ไหน 
คงไม่มีใครอยากให้สถานการณ์ยาวนาน ถ้าพระธัมมชโยมอบตัวก็จบ สื่อก็ถามแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อไหร่จะจบ อยากให้ไปถามพระธัมมชโย ท่านทำให้คนเดือดร้อนมามากแล้ว

ส่วนคำสั่งคสช.ให้พระ 14 รูป มารายงานตัวนั้น ทราบว่ามีเข้ามาบางส่วน ส่วนการชุมนุมที่ตลาดกลางคลองหลวง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานียังไม่มีการคืนพื้นที่ เนื่องจากเป็นพื้นที่ควบคุม ซึ่งเรื่องนี้ดีเอสไอจะเป็นผู้กำหนด ตำรวจก็ตรึงกำลังบริเวณโดยรอบ เพื่อรักษาความปลอดภัย ในเรื่องการป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากมีผู้ชายปีนขึ้นไปบนเสาไฟฟ้าแล้วผูกคอเสียชีวิต นั้น ได้สั่งการให้เฝ้าระวังอย่างเต็มที่ ในบางครั้งก็อาจจะเป็นเหตุสุดวิสัย เรื่องปัจเจกบุคคล เจ้าหน้าที่ระวังเต็มที่ไม่ให้เกิดเหตุรายวัน” พ.ต.อ.กฤษณะกล่าว

ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.พัฒนา เชียงแรง  หน่วยแพทย์อาสาของวัดพระธรรมกายว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการรายงานผลชันสูตรพลิกศพการเสียชีวิตของน.ส.พัฒนา แบบเป็นลายลักษณ์อักษร แต่คงไม่เกี่ยวกับเงื่อนเวลาในการช่วยเหลือ และบริเวณวัดพระธรรมกายมีสถานพยาบาลที่ชัดเจน แต่เพื่อสร้างความมั่นใจว่าประชาชนจะได้รับการดูแล นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้นำชุดพยาบาลจากทหารบก และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ไปจัดตั้งในพื้นที่ดังกล่าว ให้มีนายแพทย์ไปประจำการ คู่ขนานไปกับวัดพระธรรมกาย ซึ่งสั่งการไปแล้วเมื่อวันที่2มี.ค.
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า คำสั่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินหน้าจับกุมพระและลูกศิษย์วัดพระธรรมกายที่ออกมาให้ข่าวกับสื่อมวลชน น่าจะทำให้การระดมมวลชนลดน้อยลงหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่รู้ แต่เจ้าหน้าที่ต้องทำตามกฎหมาย เมื่อมีหมายจับถ้าไม่ทำไม่ได้ ส่วนการระดมมวลชนถือเป็นคนละเรื่อง แต่อยากให้สื่อมวลชนเลิกถามประเด็นวัดพระธรรมกาย เรื่องอยู่ที่คนๆเดียวที่ทำให้วุ่นวาย ส่วนแผนดำเนินการจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ตนไม่จำเป็นต้องบอกสื่อ แต่จะทำให้ดีที่สุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook