เตือนไม่ฟัง! ลุงเก็บของเก่าเขตทหารทุบขาย อาร์พีจีบึ้มใส่ดับสยอง

เตือนไม่ฟัง! ลุงเก็บของเก่าเขตทหารทุบขาย อาร์พีจีบึ้มใส่ดับสยอง

เตือนไม่ฟัง! ลุงเก็บของเก่าเขตทหารทุบขาย อาร์พีจีบึ้มใส่ดับสยอง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(5 มี.ค.) เวลา 09.30 น. ร.ต.อ.ศุภฤกษ์ สุเมธานนท์ ร้อยเวร สภ.ปักธงชัย ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุระเบิด และมีผู้เสียชีวิตคาที่ ในบ้านหลุมเงิน หมู่ที่ 5 ต.ภูหลวง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา จึงรุดไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยฮุก 31 ปักธงชัย โดยจุดเกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น บริเวณใต้ถุนบ้านพบว่ามีเศษอาวุธสงครามกระจัดกระจายอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ลูกระเบิดอาร์พีจี ลูกระเบิดปืนครก และลูกกระสุนปืนกล เป็นต้น

ข้างๆ พบศพนายสายทอง อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน นอนเสียชีวิตอยู่ในสภาพร่างกายแหลก แขน ขา ขาด จากการถูกวัตถุระเบิดทำลายล้าง และพบลูกระเบิดอาร์พีจี ที่เพิ่งระเบิดใหม่ๆ อยู่ใกล้ศพผู้เสียชีวิต จากการตรวจสอบพบว่ามีลูกระเบิดหลายลูก ที่ยังอยู่ในสภาพใช้การได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการขึงเขตไว้ไม่ให้ชาวบ้านเข้าไป เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตราย

จากการสอบถามเพื่อนบ้าน ทราบว่านายสายทอง ผู้เสียชีวิต มีอาชีพเก็บของเก่าขาย โดยชอบเข้าไปเก็บเศษอาวุธสงคราม ภายในเขตพื้นที่ซ้อมยิงกระสุนจริง ของค่ายทหารแห่งหนึ่งซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียง และทุกวันจะเห็นนายสายทอง มานั่งทุบเศษอาวุธสงคราม เพื่อแยกชิ้นส่วน เอาเฉพาะเศษเหล็ก เพื่อนำไปขายให้กับร้านรับซื้อของเก่าในพื้นที่ อ.ปักธงชัย ดังนั้นจึงทำให้บริเวณใต้ถุนบ้านเต็มไปด้วยอาวุธสงครามหลายชนิด ซึ่งที่ผ่านมาเพื่อนบ้านก็เคยเตือนไว้แล้วหลายครั้งว่า อย่าเข้าไปเก็บของเก่าที่เป็นอาวุธสงคราม เนื่องจากเป็นเขตหวงห้ามของทหาร และอาจจะเป็นอันตรายได้ แต่นายสายทอง ก็ไม่ยอมเชื่อฟัง เพราะเคยนำมาทุบเอาเศษเหล็กไปขายได้บ่อยครั้ง

ต่อมาเช้าวันนี้ (5 มี.ค. 60) ก็พบว่านายสายทอง ได้ทำการทุบเศษอาวุธสงครามเหมือนทุกครั้ง แต่ปรากฏว่ามีเสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ชาวบ้านจึงได้พากันวิ่งไปดู พบว่านายสายทอง ถูกวัตถุระเบิดเสียชีวิตคาที่แล้ว

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า วัตถุระเบิดที่เป็นต้นเหตุให้นายสายทอง เสียชีวิต คือระเบิดอาร์พีจี ซึ่งต้องรอหน่วยทหารที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบอีกครั้งว่าเป็นระเบิดอาร์พีจีชนิดใด พร้อมกันนี้ก็ได้ประสานเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 มาตรวจสอบหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook