หวิดวอด โยนระเบิดเพลิงใส่บ้านตำรวจ คาดแก๊งยาบ้าล้างแค้น
(13 มึ.ค.) เวลาประมาณ 03.00 น. ร.ต.อ.สุภาพ อาสา ร้อยเวรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองยโสธร เข้าตรวจที่เกิดเหตุภายหลังจากได้รับแจ้งว่า มีเหตุคนร้ายโยนระเบิดเพลิงเข้าไปภายในบ้านพักของนายตำรวจสายสืบของสถานีตำรวจภูธรเมืองยโสธร จนเกิดเหตุไฟลุกไหม้รถยนต์ที่จอดอยู่ในบ้านพักได้รับความเสียหาย โดยเหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 38 หมู่ 5 บ้านกุดจอก ตำบลน้ำคำใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร ซึ่งเป็นบ้านพักของ ร.ต.ท.สถิต พวงชมพู ปฏิบัติหน้าที่ชุดสืบสวนของสถานีตำรวจภูธรเมืองยโสธร
ในที่เกิดเหตุบริเวณที่จอดรถภายในบ้านพักพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า สีดำ คันหมายเลขทะเบียน กค-3701 ยโสธร บริเวณด้านหน้ารถฝั่งซ้ายมีร่องรอยถูกไฟไหม้จนได้รับความเสียหายไปบางส่วน นอกจากนี้แล้วใกล้กันยังพบขวดพลาสติกภายในมีน้ำมันเชื้อเพลิงและเศษผ้ามัดติดอยู่เพื่อทำเป็นระเบิดเพลิง อยู่ใต้ท้องรถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแม็ก สีบรอนซ์ทอง คันหมายเลขทะเบียน กข-4113 ยโสธร ซึ่งคาดว่าไฟอาจจะดับก่อนจึงไม่ลุกไหม้ติดรถกระบะคันดังกล่าว
จากการสอบถาม ร.ต.ท.สถิต พวงชมพู เจ้าของบ้าน บอกว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาขณะที่ตนกำลังนอนหลับอยู่ในบ้านพัก ได้ยินเสียงเพื่อนบ้านร้องเรียกว่ามีไฟไหม้รถของตนจึงรีบลุกขึ้นมา และพบว่าเปลวไฟกำลังลุกไหม้ตอนหน้ารถเก๋งของตนที่จอดอยู่ภายในบ้านพัก ตนพร้อมด้วยชาวบ้านใกล้เคียงจึงได้ช่วยกันฉีดน้ำดับไฟเอาไว้ได้ทันเวลา ก่อนที่เปลวเพลิงจะลุกไหม้รถเสียหายทั้งคันและอาจจะลุกลามไหม้บ้านทั้งหลังได้
ขณะที่ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ บอกว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นวัยรุ่น 2 คน สวมหมวกไอ้โม่งปิดบังใบหน้าขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียนซ้อนท้ายกันมาผ่านหน้าบ้านของผู้เสียหาย และได้จุดไฟระเบิดเพลิงที่เตรียมมาซึ่งทำจากขวดพลาสติกภายในบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงและมีเศษผ้าโผล่ออกมาทำเป็นชนวนจุดไฟแล้วโยนเข้าไปภายในบ้านพัก ก่อนจะพากันขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปจากนั้นจึงพบว่ามีเปลวไฟลุกไหม้รถยนต์ที่จอดอยู่ภายในบ้านพักจึงได้ร้องเรียกให้ผู้เสียหายทราบและช่วยกันดับไฟเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี
คาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ที่ไม่พอใจผู้เสียหาย เนื่องจากผู้เสียหายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบและออกเข้มงวดกวดขันจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่อย่างต่อเนื่องจนอาจทำให้กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดไม่พอใจจึงได้กลับมาก่อเหตุพยายามเผาบ้านพักเพื่อล้างแค้นก็เป็นได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เร่งสืบสวนหาตัวผู้ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ไปดำเนินคดีต่อไป