“สุภิญญา”แจ้งยุติหน้าที่กรรมการ กสทช.รอ กฎหมายตีความ

“สุภิญญา” กรรมการ กสทช.เปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ทำบันทึกแจ้งเลขาธิการ กสทช.ถึงคำพิพากษาให้สำนักงานตีความกฎหมาย และตั้งแต่วันนี้ดิฉันจะยุติการปฏิบัติหน้าที่ไปก่อน พร้อมไม่รับค่าตอบแทน

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงกรณีที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (15 มี.ค.60) เวลา 09.30 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีกลุ่มองค์ภาคประชาชน 10 ราย นำผู้ชุมนุมบุกรัฐสภา ปี 50 เพื่อขัดขวางสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไม่ให้พิจารณาร่างกฎหมาย โดยศาลฎีกามีคำพิพากษากลับจากที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง เป็นให้รอการกำหนดโทษ นายจอน อึ๊งภากรณ์ ประธานมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคมที่ 1 กับพวกทั้ง 10 ราย เนื่องจากเห็นว่าการกระทำของจำเลยผิดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เเต่เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์ การศึกษา เหตุผลเเละวัตถุประสงค์ เห็นว่าพฤติการณ์ไม่ร้ายเเรง จึงให้รอการกำหนดโทษ และหนึ่งในนั้นมีน.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกันเป็นจำเลยนั้น

ล่าสุด น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช.ได้แจ้งผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า จากคำพิพากษาของศาลฎีกาคดีชุมนุมปีนสภาค้าน สนช.วันนี้ แม้ศาลท่านจะไม่ได้กำหนดโทษจำคุก แต่ก็พิพากษาว่าดิฉันกระทำความผิด จึงมีประเด็นทางกฎหมาย โดยวันนี้ดิฉันจะทำบันทึกแจ้งเลขาธิการ กสทช.ถึงคำพิพากษาให้สำนักงานตีความกฎหมาย และตั้งแต่วันนี้ดิฉันจะยุติการปฏิบัติหน้าที่ไปก่อน พร้อมไม่รับค่าตอบแทน

ถ้าการตีความออกมาว่าไม่ขัดคุณสมบัติ ก็ค่อยกลับมาปฏิบัติหน้าที่ต่อ แต่ถ้าขัดก็ถือว่าสิ้นสภาพการเป็น กสทช.ตามกฎหมายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพราะส่วนตัวตีความว่าขัด พรบ.กสทช. เพราะศาลฎีกาพิพากษาว่าดิฉันทำความผิดฐานชุมนุมค้าน สนช. แม้ว่าจะยังไม่มีโทษจำคุก จึงตัดสินใจขอยุติการทำหน้าที่ และดิฉันน้อมรับคำพิพากษาสูงสุดของศาลฎีกาในวันนี้ แม้จะยืนยันว่าสิ่งที่ทำเป็นสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ และขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจตลอดมา

สรุปก็รอให้สำนักงาน กสทช.ทำการตีความออกมาเป็นทางการ ระหว่างนี้ดิฉันก็หยุดปฏิบัติหน้าที่ พร้อมเก็บของรอไปพลางก่อน มีเอกสารต้องเคลียร์จำนวนมาก โดยระหว่างการยุติการปฏิบัติหน้าที่ ดิฉันและทีมก็ไม่รับค่าตอบแทนใดตั้งแต่วันนี้และจะทำเรื่องส่งคืนทรัพย์สินที่ถือครองในการทำงานคืนสำนักงานโดยเร็ว

“การทำบันทึกถึงเลขาธิการวันนี้ว่าขอยุติการปฏิบัติหน้าที่ก็เพื่อให้สำนักงานสบายใจ ไม่ต้องจ่ายเงินเดือนอีก คือไม่ได้ทำงานแล้ว แต่ยังขอเวลาเก็บของ ระหว่างนี้ดิฉันยังจะได้เข้ามาเก็บข้าวของ เคลียร์เอกสารต่างๆและเข้าออก สำนักงานได้ จนกว่าจะส่งกุญแจห้องทำงานคืนให้ สำนักงานเป็นการยุติถาวร นักกฎหมายตีความคำพิพากษาต่างกัน จึงมีคนเสนอให้ส่งตีความ แต่ระหว่างตีความถ้าดิฉันยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ อาจก่อปัญหาตามมาเช่นการต้องลงมติต่าง ๆ ขอบคุณทีมทนายความสิทธิมนุษยชนทุกท่านที่เต็มที่ในการสู้คดีนี้ ขอบคุณทีมงานสุดขยันที่ กสทช.และขอบคุณภาคประชาสังคมที่สนับสนุนการทำงานตลอดมา”