บทสรุปโอละพ่อ ฝรั่งยอมรับเมา กวนโมโหคนขับรถตู้

บทสรุปรถตู้ทิ้งหนุ่มชาวต่างชาติ ตำรวจนำตัวโชเฟอร์และฝรั่งที่อ้างว่าถูกทำร้ายและชิงเงินมาสอบสวน ก่อนสารภาพว่าเมาไม่รู้เงินหายไปตอนไหน พร้อมขอโทษที่ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศไทยเสียหาย

เมื่อวานนี้ (15 มี.ค.) ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี พ.ต.อ. สมโชค ตาผล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี ร.ต.ท.หญิง ปาณิศากุญชรินทร์ รองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี ได้นำตัว นายเชียแรน ชาวไอซ์แลนด์ ครูสอนภาษาโรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ มาสอบปากคำ หลังกล่าวอ้างว่าถูก นายบุตดี คนขับรถตู้สายพัทยา-กรุงเทพ ทำร้ายร่างกายและผลักลงจากรถตู้ พร้อมกับขโมยทรัพย์สินไปด้วย กลายเป็นข่าวโด่งดัง

ล่าสุดได้มีการสอบถามจากพยานผู้เห็นเหตุการณ์ ที่เปิดเผยว่า ขณะที่ขับรถมาส่งลูกชาย เห็นคนขับรถตู้ผลักชาวต่างชาติ เกรงว่าจะเกิดภาพพจน์ไม่ดีกับประเทศไทย จึงลงจากรถไปช่วยเหลือชาวต่างชาติ แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรงใดๆ ตามที่กล่าวอ้าง

ซึ่งต่อมา ร.ต.ท.หญิง ปาณิศากุญชรินทร์ ได้ทำการสอบปากคำ นายเชียแรน ก่อนจะได้สารภาพว่า ตนนั่งรถตู้โดยสารมา พร้อมกับดื่มเบียร์มา 2 ขวด ยอมรับว่ามีอาการมึนเมาจริงๆ ส่วนเงินที่หายไป 2,500 บาทนั้น ก็ไม่รู้ว่าหายไปตั้งแต่ตอนไหน และไม่ใช่คนขับรถตู้ขโมยเอาไปตามที่กล่าวอ้างเบื้องต้น

นอกจากนี้ นายเชียแรน ยังได้กล่าวขอโทษคนไทยและประเทศไทย เพราะตัวเขาเองมึนเมาขาดสติไปเอง ไม่ได้ต้องการทำให้ประเทศไทยเสียชื่อเสียงแต่อย่างใด

หลังจากนั้น นายบุตดี คนขับรถตู้ ได้มาเข้าพบพนักงานสอบสวน พร้อมทั้งปรับความเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย คู่กรณีเปิดเผยว่า ดีใจที่ทำให้สังคมเข้าใจแล้วว่าตนไม่ได้ทำตามที่ถูกกล่าวหาทั้งหมด แต่ก็ยอมรับว่าเกิดเหตุทะเลาะกับนายเชียแรนจริงๆ เพราะอีกฝ่ายด่าทอระหว่างอยู่บนรถตู้ ด้วยความโมโหจึงได้นำตัวออกมาจากรถตู้ เพราะสร้างความรำคาญใจให้กับผู้โดยสารคนอื่น

นายบุตดี ยังยอมรับว่า ช่วงเวลานั้นตนรู้สึกโมโหมาก ทำให้ขาดสติและได้ผลักอีกฝ่ายล้มลงไปที่พื้น แต่ไม่ได้ทำอะไรอื่นอีก หรือขโมยทรัพย์สินไปแต่อย่าง เพราะตนก็ขับรถตู้โดยสารมานานหลายปี ยังไม่เคยมีปัญหากับผู้โดยสารเลยสักครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งแรก

ขณะที่ พ.ต.อ. สมโชค ตาผล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากคนขับรถตู้มีสติและจอดรถบริเวณป้อมตำรวจที่มีหลายแห่งอยู่ข้างทาง ปัญหาก็จะไม่เกิดขึ้นเช่นนี้ กรณีนี้จึงถือว่าทั้ง 2 ฝ่ายไม่มีความผิด อย่างไรก็ตามจะต้องดำเนินคดีคนขับรถตู้ข้อหาปล่อยปละละเลยผู้โดยสาร