ผวาถูกแกะรอย! ลิ่วล้อชะลอหา ทักษิณ
ทักษิณ เลิกนัด ส.ส.เพื่อไทย ลิ่วล้ออ้างห่วงความปลอดภัยนาย ชัยสิทธิ์ ย้ำมีขบวนการลอบสังหาร อดีต คมช.เชื่อทักษิณนอนไม่หลับ คิดไปเอง ปชป.ปูดคนใกล้ชิด เหลิม รุกป่า สกัดขึ้นผู้นำฝ่ายค้าน
หลังจากเปิดประเด็นอย่างเอิกเกริกว่าจะมี ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง แต่ในที่สุดกำหนดการก็ต้องยกเลิกอย่างกะทันหัน โดยระบุเหตุผลเรื่องเวลาและความปลอดภัยของอดีตนายกฯ
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตน และ ส.ส.ที่มีกำหนดจะเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต่างประเทศ ได้เลื่อนการเดินทางไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะไปไม่ทันเวลาที่จะสะดวกพบ และเพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัย เนื่องจากคนบางกลุ่มรู้แหล่งที่พักของ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนจะเดินทางไปพบวันไหนยังไม่สามารถตอบได้ เพราะยังติดต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เช่นกัน ทั้งนี้ขอยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณสามารถเดินทางไปฮ่องกง ประเทศจีน และญี่ปุ่นได้ โดยไม่ได้ถูกห้ามเข้าประเทศแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่กลุ่ม ส.ส.อีสานอีกส่วนประสานผ่านนายพายัพ ชินวัตร น้องชาย พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อนัดพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่แถวชายแดนไทยนั้นเป็นคนละส่วนกับตน คาดว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะพบ ส.ส.ในแต่ละส่วนอย่างทั่วถึงแน่นอน
"การเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่การไปรับคำสั่งให้กลับมาเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อสร้างความวุ่นวาย แต่การเดินทางไปครั้งนี้เพื่อเยี่ยมเยียนตามประสาคนรู้จัก" นายประชากล่าว
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านขอนับองค์ประชุมสภา เมื่อค่ำวันที่ 4 กุมภาพันธ์ นายประชาระบุว่าได้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีการกดบัตรแทนกัน ซึ่งเป็นการกระทำไม่สุจริต ไม่ซื่อตรงต่อหน้าที่ โดยตนจะนำข้อมูลหลักฐานที่ตรวจสอบจากสายการบินแอร์เอเชีย บางกอกแอร์เวย์ส การบินไทย ระหว่างช่วงเวลา12.00-21.00น. วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ มาเปิดเผยต่อสาธารณชนในวันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์
พท.ประสานเสียง ห่วงความปลอดภัย "ทักษิณ"
นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส.ส.เหนือยังไม่มีแนวคิดไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนใครจะเดินทางไปหรือไม่เป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่สามารถจะไปบังคับได้ แต่คิดว่าส.ส.คงสามารถติดต่อ พ.ต.ท.ทักษิณได้โดยตรงอยู่แล้วจึงไม่น่ามีปัญหาอะไร
นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส.ส.อีสานยังยืนยันว่าจะเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่คงจะปรับเปลี่ยนรูปแบบ และโปรแกรมการเดินทาง โดยจะไม่ไปเป็นหมู่คณะใหญ่ เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นภาระให้ พ.ต.ท.ทักษิณ
นายสุรวิทย์กล่าวอีกว่า การเลื่อนการเดินทางออกไป เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะมีข่าวถูกประโคมออกมามากอาจทำให้การดูแลเความปลอดภัยทำได้ลำบากขึ้น เชื่อว่าคงไม่ใช่ เพราะถูกส่งสัญญาณหรือมีการห้ามเดินทางไปอย่างที่ตั้งข้อสังเกต
"จตุพร" ชี้งบลับ 2 พันล. ย่ำรอย คมช.
ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน และผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องเลื่อนการเดินทางออกไปเป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ มีที่อยู่ไม่แน่นอน รวมทั้งเรื่องความปลอดภัยที่ ส.ส.เป็นห่วงว่าจะไปสร้างภาระให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ
นายจตุพรยังกล่าวถึงกรณีข่าวการใช้งบ 2,000 ล้านบาท เพื่อทำลายพรรคเพื่อไทยว่า เป็นลักษณะการดำเนินการเช่นเดียวกับสมัย คมช. เพื่อหวังหาประโยชน์จากการใช้งบประมาณ เพราะเมื่อพิจารณาเนื้อหายุทธศาสตร์เป็นการทำลายล้างพรรคเพื่อไทยโดยตรง หากต้องการสร้างสมานฉันท์ทำไมต้องทำเป็นงบลับ ไม่เปิดเผยให้ประชาชนรับรู้ ซึ่งสะท้อนว่ากองทัพเป็นผู้ปกครองรัฐบาล ไม่ใช้รัฐบาลปกครองกองทัพ
ส่วนการเตรียมพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายจตุพรระบุว่า ขณะนี้ตนได้เห็นเนื้อหาบางส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หัวหน้าทีมอภิปรายของพรรคจะใช้เป็นหมัดเด็ดที่จะล้มล้างรัฐบาล โดยรอเพียงเอกสารชิ้นสุดท้ายให้สมบูรณ์ครบถ้วนเท่านั้นก็จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจให้ประชาชนได้เห็นธาตุแท้ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเมื่อได้เอกสารครบถ้วนแล้วก็จะประกาศวันยื่นอภิปรายต่อไป
"ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ กลุ่มคนเสื้อแดงจะนัดหมายการชุมนุมกดดันรัฐบาลว่าจะเป็นวันที่เท่าไร และสถานที่ใดควบคู่ไปกับการดำเนินงานในสภา ซึ่งคาดว่าในสมัยการประชุมสภานี้รัฐบาลคงต้องเตรียมเรื่องนี้ไว้ให้ดี" นายจตุพรกล่าว
จวกย้าย ตร. รังแก ขรก.ที่ทำงานเป็นธรรม
นายจตุพรกล่าวถึงกรณีแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจ โดยเฉพาะการแต่งตั้ง พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู สามีนางศิริวรรณ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และคนใกล้ชิดนายสุเทพ มาเป็นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ว่า การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่น่าอาย และสะท้อนว่า การใช้อำนาจของพรรคประชาธิปัตย์ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ข้าราชการที่ทำงานโดยชอบธรรม
"พรรคประชาธิปัตย์วิพากษ์วิจารณ์คนอื่นมามากแล้ว ครั้งนี้จึงต้องยอมรับการวิจารณ์จากคนอื่นบ้าง ในสมัยรัฐบาลพลังประชาชน ไม่เคยโยกย้ายข้าราชการเพื่อแทรกแซงการเมือง แต่พิจารณาโดยความเป็นธรรม ไม่ใช่เอาสามีคนในพรรคตัวเองมามีอำนาจ" นายจตุพรกล่าว
"ชัยสิทธิ์"ย้ำมีขบวนการลอบสังหารทักษิณ
พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารบก ญาติผู้พี่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวย้ำว่า มีขบวนการลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ จริง ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะเปิดเผยแหล่งที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณได้ ส่วนการที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาต่อสู้คดีในประเทศไทยนั้นถือเป็นเรื่องยาก เพราะหากกลับมาจะต้องถูกควบคุมตัวในเรือนจำ ซึ่งจะทำให้ตายไวขึ้นเพราะสภาพภายในเรือนจำ
พล.อ.ชัยสิทธิ์ระบุว่า การประกาศต่อสู้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเพราะถูกฝ่ายอื่นจ้องทำร้าย จึงต้องลุกขึ้นสู้บ้าง ส่วนกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการเป็นประธานาธิบดีนั้นถือเป็นเรื่องทุเรศ
เมื่อถามถึงข่าวการนำคนตระกูลชินวัตรเป็นแกนนำในแต่ละภาคของพรรคเพื่อไทย พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่มีการส่งสัญญาณมา แต่ถ้าให้มองเกม คิดว่าพรรคเพื่อไทยต้องมีหัวหน้าที่มีบารมีพอสมควร แต่คนที่พอมีคุณสมบัติบ้างกลับถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองหมดแล้ว
"ขวัญชัย" โร่ลงบันทึกฯ ป่วน พธม.มือที่ 3
นายขวัญชัย สารคำ หรือ ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ได้นำสมาชิกกว่า 150 คน เดินเท้าไปยัง สภ.เมืองอุดรธานี ทั้งยังได้แจกแถลงการณ์ต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่จะมาจัดเวทีคอนเสิร์ตขยายแนวความคิดการเมืองใหม่ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์
นายขวัญชัย กล่าวแสดงจุดยืนว่า กลุ่มคนรักอุดรพร้อมจะแสดงพลังขับไล่กลุ่มคนผู้บุกรุกที่จะเข้ามาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของชาวอุดรธานี พวกตนจะไม่ยอมก้มหัวให้พวกพันธมิตรซึ่งบัดนี้เหิมเกริม ย่ามใจว่ามีรัฐบาลหนุนหลังอยู่ อย่างไรก็ตาม หากการชุมชนในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เกิดเหตุการณ์การปะทะกันอย่างรุนแรงก็จะก่อให้เกิดภาพลักษณ์ในทางลบ แต่คนรักอุดรจะแสดงพลังต่อต้านพันธมิตรด้วยวิธีการอหิงสา ไม่ใช้กำลังและอาวุธ แต่หากเกิดเหตุการณ์ใดๆ ที่นอกเหนือการควบคุมชมรมจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น
จากนั้นนายขวัญชัยได้ลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานว่า ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ชมรมคนรักอุดรจะมีการจัดงานฉลองเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่นายขวัญชัยได้รับ ที่สถานีวิทยุชมรมคนรักอุดร โดยจะมีสมาชิกมาร่วมงานกว่า 1 หมื่นคน หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงในวันนั้น ที่เวทีคอนเสิร์ตของกลุ่มพันธมิตร ชมรมคนรักอุดรจะไม่รับผิดชอบ เพราะอาจมีบุคคลที่ 3 มาก่อกวน ก่อความรุนแรงขึ้น
อดีต คมช.เย้ย "ทักษิณ" คิดไปเอง
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์รายการลับ ลวง พราง ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงเคลื่อนไหวต่อสู้ทางการเมืองว่า ตนสงสารเขา เพราะขณะนี้เขาตกอยู่ในบ่วงของกรรม และเขายังต้องชดใช้กรรม ซึ่งหากเขาหมดกรรมเมื่อไร การต่อสู้ของเขาก็จะหยุด และเขาจะมีความสุข
ส่วนข่าวลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.สมเจตน์กล่าวว่า "เขาคิดไปเอง คงไม่มีใครไปลอบสังหารเขา เพราะเขามีเงินมหาศาลสามารถจ้าง รปภ.ได้จำนวนมาก ใครจะไปทำอะไรเขา เขาคงวาดมโนภาพจินตนาการ พอกลางคืนนอนไม่หลับก็คิดไปเรื่อยว่ามีคนตามฆ่า"
พล.อ.สมเจตน์ยังกล่าวถึงการที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยว่า ฟังดูแล้วยังคิดว่าเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อ ส.ส.เป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทยที่ได้รับการคัดเลือกมา และเป็นผู้ที่จะมาออกกฎหมายใช้บังคับคนอื่นๆ แต่ ส.ส.เหล่านี้กำลังจะเดินทางไปหาบุคคลที่หนีคดีอาญา ซึ่งดูแล้วน่าจะขัดต่อจริยธรรม จึงอยากฝากให้คิดให้รอบคอบว่าสิ่งที่ทำไปนั้นเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร
ปชป.ปูดคนใกล้ชิด"เหลิม"รุกป่า
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตั้งข้อสังเกตกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า อาจเป็นเพราะต้องการหารือเกี่ยวกับการตั้งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่อย่างที่แกนนำพรรคระบุจะพิจารณาในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ แสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยไม่สามารถหาหัวหน้าพรรคตามกระบวนการภายในพรรค จึงต้องไปขอความเห็นชอบจาก พ.ต.ท.ทักษิณด้วย
นพ.บุรณัชย์ยังกล่าวถึงกระแสข่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ว่า ต้องขอถามก่อนว่าในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุม พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีตเลขานุการ รมว.มหาดไทย ในสมัยที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ยังดำรงตำแหน่ง ในข้อหาที่ พ.ต.ท.ไวพจน์และภรรยา บุกรุกอุทยานแห่งชาติป่าแม่ระกา จ.กำแพงเพชร ที่พบว่ามีการบุกรุกเกินกว่าการแสดงสิทธิที่ได้จับจอง ทั้งที่ในระหว่างนั้นมีการเข้มงวดเรื่องการบุกรุกที่ป่าสงวน และขอฝากถามไปถึง ร.ต.อ.เฉลิม ว่า ให้คนของตัวเองดำเนินการผิดกฎหมายในระหว่างที่มีตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่
เมื่อถามว่า การหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะหวังสกัดกั้น ร.ต.อ.เฉลิม ที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยหรือไม่ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ใช่ แต่พรรคมีหน้าที่ตรวจสอบการทำงาน และเปิดเผยข้อเท็จจริงให้สาธารณชนได้รับทราบก่อนที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งจะเข้ามาอาสาทำงานทางการเมือง ดังนั้น การเปิดเผยเรื่องนี้ถือเป็นข้อมูลข้อเท็จจริงที่ต้องทำตามกฎหมาย ไม่ได้หวังจะดิสเครดิต ร.ต.อ.เฉลิม
สวนงบลับ 2 พันล. ไล่ให้ดู นปช.หมิ่น
ส่วนกรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. และคณะทำงานฝ่ายการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์จับมือกองทัพใช้งบประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อจัดทำแผนงานเสริมสร้างความสมานฉันท์ โดยมีจุดประสงค์เพื่อหวังทำลายพรรคเพื่อไทย นพ.บุรณัชย์ระบุว่า คำพูดดังกล่าวถือเป็นการจงใจใส่ร้าย โดยไม่ละอายต่อผลกระทบถึงสถาบันที่อยู่เหนือความขัดแย้ง ขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคย และไม่มีวันใช้วิธีการเช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทยพาดพิงสถาบันสูงสุดของชาติ หรือสถาบันอื่นๆ เพื่อหวังประโยชน์ทางการเมือง "อยากให้นายณัฐวุฒิกลับไปดูเหตุการณ์ที่ผ่านมาของกลุ่ม นปช.ทั้งกรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่มีการจับกุม น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด และนายสุชาติ นาคบางไทร รวมถึงเหตุการณ์วันที่ 24 มกราคม ที่มีกลุ่มคนเสื้อแดงบางคนตะโกนว่าทักษิณจงเจริญจนถูกแจ้งจับดำเนินคดีว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนายณัฐวุฒิ เคยสำนึกผิด และรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ ถ้าคิดว่าการดำเนินงานเพื่อปกป้องเทิดทูนสถาบันอันเป็นที่เคารพ เป็นการกำจัดฝ่ายตรงข้ามของพรรคประชาธิปัตย์ อยากบอกว่าใครก็ตามที่ดึงสถาบันเข้ามาเพื่อหวังให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองก็ถือเป็นศัตรูของคนไทยทั้งประเทศ" นพ.บุรณัชย์กล่าว
ตั้งสามี "แม่เลี้ยงติ๊ก" เหมาะสม
นพ.บุรณัชย์ยังกล่าวถึงกรณีคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) พิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ซึ่งมีเสียงวิจารณ์ว่าเอื้อประโยชน์ให้คนในรัฐบาลว่า ทราบว่าการพิจารณาอยู่บนพื้นฐานความเหมาะสม ความสามารถ และระบบคุณธรรมโดยเคร่งครัด เพราะมีคดีสำคัญหลายเรื่องต้องได้รับการสะสางให้ได้ข้อยุติ เช่น คดีฆ่าบิดาผู้จัดรายการวิทยุชุมชนฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีหลักฐานชัดว่าใครเป็นผู้กระทำ และการทำร้ายกลุ่มพันธมิตรที่ จ.อุดรธานี ซึ่งมีการบันทึกเทปวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน รวมทั้งคดีฆ่าตัดตอน 2,500 ศพ ที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลก และการเตรียมใช้ความรุนแรงในการชุมนุมของ นปช.ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู จเรตำรวจ สามีนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู หรือแม่เลี้ยงติ๊ก รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และมีความสนิทสนมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า พล.ต.ท.ไถง รับราชการตำรวจมาก่อนที่ภรรยาจะเริ่มทำงานการเมือง และการก้าวขึ้นมาในพรรคในขณะที่พรรคเป็นฝ่ายค้านด้วยซ้ำ ถือว่าเป็นระบบคุณธรรมที่ทำด้วยความรู้ความสามารถของ พล.ต.ท.ไถงเอง
"เทพไท" ยันมีหลักฐาน จีน-ยุ่นขึ้นบัญชีแม้ว
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช และโฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยท้าให้เปิดเผยข้อมูลบัญชีการห้ามเข้าประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า จากการตรวจสอบพบว่าญี่ปุ่นได้ขึ้นบัญชี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นบุคคลไม่พึงประสงค์ ขณะที่จีนอนุญาตให้เข้าประเทศในฐานะนักท่องเที่ยวเท่านั้น โดยข้อเท็จจริงเหล่านี้เป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ และเป็นเอกสิทธิ์ของประเทศต่างๆ ที่จะเปิดเผยหรือไม่ เพราะเป็นมารยาททางการทูต ตนมีเอกสารหลักฐานชัดเจน แต่เกรงจะเสียมารยาทหากนำมาเปิดเผย
"พรรคเพื่อไทยต้องคำนึงถึงมารยาท และเอกสิทธิ์ในอธิปไตยของประเทศนั้นๆ ในทางการทูต การตอบคำถามไม่มีประเทศไหนที่เขาระบุชัดเมื่อถูกถามในเรื่องเหล่านี้ ภาษาทางการทูตเขาจะบอกว่า ไม่ยืนยัน และไม่ปฏิเสธด้วย แต่ความเป็นจริงแล้ว เมื่อมีข่าวอย่างนี้ จะเป็นจริงทุกเรื่อง เช่น กรณีประเทศอังกฤษเพิกถอนวีซ่าทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์" นายเทพไทกล่าว
นายเทพไทระบุว่า สมาชิกพรรคเพื่อไทยต้องระมัดระวังในการเคลื่อนไหวกดดันสถานทูตประเทศต่างๆ เพื่อให้ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ รวมทั้งการชักชวนประชาชนไม่ให้ซื้อสินค้าจากบางประเทศ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้จะสร้างความเสื่อมเสีย ถ้าต้องการทราบอย่างเป็นทางการ ขอแนะนำให้ตั้งกระทู้ถามในสภา เพราะหากเนื้อหากระทบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศก็สามารถขอให้มีการประชุมลับได้
ซัดกันเอง ส่ง "เทพไท" บี้ "บุรณัชย์"
รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์แจ้งว่า ในการประชุมพรรคประชาธิปัตย์ วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ จะมีสมาชิกพรรคบางส่วนยื่นเรื่องให้มีการปรับปรุงการทำงานของ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะผู้ใหญ่ของพรรคบางคนเห็นว่าบทบาทการทำหน้าที่ของ นพ.บุรณัชย์ ที่ผ่านมาน้อยเกินไป ไม่ออกมาปกป้อง หรือตอบโต้ทางการเมือง และบางครั้งการออกมาตอบโต้ก็ล่าช้าเกินไป
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นายชุมพล กาญจนะ ประธาน ส.ส.พรรค ได้พานายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้แต่งตั้งเป็นโฆษกประจำตัวนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางเสียงวิจารณ์จากสมาชิกพรรค และสื่อเป็นจำนวนมาก โดย ส.ส.บางคนเห็นว่ากรณีดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความมั่นใจของ นพ.บุรณัชย์ พอสมควร
แหล่งข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า สาเหตุที่แต่งตั้งนายเทพไท เนื่องจากสามารถตอบโต้ประเด็นการเมืองได้อย่างทันควัน แกนนำพรรคจึงอยากให้มาช่วยเสริมงานของทีมโฆษกพรรค ซึ่งมีทีมวอร์รูมของนายชำนิ ศักดิเศรษฐ รองเลขาธิการพรรค เป็นประธานร่วมด้วย
"วันนี้สถานการณ์การเมืองรุมเร้ารอบด้าน การเมืองไม่ราบรื่น มีการชุมนุมหลายจุด เราจะได้ชี้แจงต่อสาธารณชน ส่วนทีมวอร์รูมนั้นพรรคไม่ได้ใช้นานก็นำมาปัดฝุ่น เมื่อปัดฝุ่นก็เลยเลือกคนมาเสริม และพยายามควบคุมประเด็น ควบคุมเรื่อง เนื้อหา เพราะเราเป็นรัฐบาล ต้องพูดอะไรเชิงสร้างสรรค์" แหล่งข่าวคนเดิมระบุ
"มาร์ค" เลิกจ้อเรื่อง "แม้ว" ต่อนานาชาติ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวขณะนำทีมเศรษฐกิจโรดโชว์สร้างความเชื่อมั่นด้านการค้าการลงทุนที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กรณีการถูกสัมภาษณ์เรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ไม่รู้สึกอึดอัดที่ต้องถูกถามถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ในระหว่างเยือนต่างประเทศ และขณะนี้ไม่ค่อยมีการถามถึงแล้ว การถามลดลงไปมากเมื่อเทียบกับหลายเดือนก่อน ตนยืนยันว่ามีหน้าที่ดูแลคนทั้งประเทศ และคนทั้งประเทศสนใจผลประโยชน์ของประเทศมากกว่า คิดว่าเราก้าวพ้นเรื่องของบุคคลไปแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องชี้แจงนานาชาติในเรื่องนี้อีก
ปณิธานยันไม่มีงบลับ มีแต่งบ ศก.พอเพียง
นายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงกรณีการปูดข่าวงบลับ 2,000 ล้านบาทว่าจากการตรวจสอบข่าวดังกล่าวไม่พบว่ามีแผนการใช้งบประมาณ 2,000 ล้านบาทเพื่อสลายกลุ่มเสื้อแดงแต่อย่างใด โดยโครงการของรัฐบาลที่จะลงไปในชุมชนหมู่บ้านต่างๆ ก็จะมีเช่น การสร้างตำบลสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือโครงการฟื้นฟูชุมชนให้เข้มแข็งตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งทั้งหมดไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อสลายกลุ่มเสื้อแดงแต่อย่างใด และนายกรัฐมนตรี ก็ไม่เคยมีนโยบายเช่นนี้ เพราะนายกฯ เน้นแก้ปัญหาความขัดแย้งในสังคมโดยยึดหลักความสมานฉันท์ มีการเจรจากับพรรคฝ่ายค้านเพื่อหาทางออกในการปฏิรูปการเมือง
"กลุ่มเสื้อแดงก็ยังชุมนุมได้ แต่ต้องเป็นไปตามสิทธิและกฎหมาย เมื่อตอนกลับจากเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นายกฯ ก็ยังขอบคุณกลุ่มเสื้อแดงที่ไม่ทำผิดกฎหมาย และไม่เคยได้ยินว่าจะมีการใช้กลไกพิเศษไปจัดการ" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
"ทรงกิตติ" ขำก๊าก งบลับ 2,000 ล้าน
พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ปฏิเสธข่าวกองทัพใช้งบลับ 2,000 ล้านบาทล้างสมองเสื้อแดง และว่า "ไม่มี ไม่มีหรอก งบลับงบเลิบอะไร 2,000 ล้าน ผมไม่เห็นมีหรอกฮะ" ก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
เมื่อถามว่า เป็นห่วงการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองหรือไม่ พล.อ.ทรงกิตติกล่าวว่า ไม่มีความเป็นห่วงเรื่องนี้ ทุกคนทำงานตามหน้าที่ สังคมเองก็ทราบสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นดีอยู่แล้ว และส่วนตัวมีความเชื่อมั่นว่าสังคมมีความต้องการที่จะให้ประเทศเดินหน้าต่อไป ส่วนการออกมาพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณก็พูดจามาเป็นปีๆ แล้ว ไม่มีเรื่องอะไรใหม่
ส่วนการรับมือกลุ่ม นปช. ที่นัดชุมนุมวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พล.อ.ทรงกิตติกล่าวว่า สามารถทำได้หากแสดงออกตามวิถีประชาธิปไตย และอยู่ในขอบเขตกฎหมาย แต่ถ้านอกขอบเขตก็ไม่งาม ก็ผิด ไปละเมิดขอบเขตผู้อื่นก็ไม่ถูกต้อง ส่วนรวมก็ไม่พอใจ ไม่ต้องถึงมือกฎหมาย
โฆษก ทบ.แจงมีแต่งบเศรษฐกิจพอเพียง
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีงบลับ 2,000 ล้านบาทว่า กองทัพไม่มีโครงการอย่างที่ฝ่ายค้านว่า แต่โครงการที่กองทัพบกกำลังทำในขณะนี้คือ โครงการสู้วิกฤติเศรษฐกิจด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งไม่ใช่เรื่องลับหรือปกปิดแต่อย่างใด และต้องเรียนว่ากองทัพเป็นกลไก เป็นเครื่องมือที่จะสนองตอบนโยบายของรัฐบาลในการบริหารงาน ไม่ใช่สนองตอบในเรื่องการเมือง
พ.อ.สรรเสริญระบุว่า งบที่ตั้งไว้คงไม่ถึง 2,000 ล้านบาทแน่นอน โดยงบที่ไปทำก็เป็นงบที่เกี่ยวกับค่าเบี้ยเลี้ยงกำลังพล และน้ำมันที่จะลงไปปฏิบัติงานในหมู่บ้านในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์จนถึงเดือนสิงหาคมเท่านั้น และใช้หมู่บ้านละหลักพันบาทเท่านั้น โดยเริ่มมีการฝึกอบรมที่ศูนย์เศรษฐกิจพอเพียงที่ จ.เชียงใหม่ จ.นครราชสีมา จ.ฉะเชิงเทรา และ จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งแต่เดือนมกราคมแล้ว
โฆษก ทบ.ย้ำว่า การดำเนินโครงการไม่ได้เจาะเฉพาะไปยังเสื้อแดง แต่ทำทั่วทุกพื้นที่ ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ก็ให้ชี้แจงทำความเข้าใจ และไม่อยากเห็นการโต้ตอบประเด็นทางการเมือง เพราะเป็นโครงการที่ไม่ได้ลับลมคมในอะไร
ปธ.วุฒิฯ ค้านออก ก.ม.นิรโทษกรรม
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วงนี้ว่า ถือเป็นสิทธิที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะเคลื่อนไหว แต่การเคลื่อนไหวคงไม่มีผล หรือสร้างแรงกระเพื่อมอะไรต่อรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ หากไม่ได้ทำอะไรเป็นที่เคลือบแคลงสงสัย ซึ่งประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง เปรียบเหมือนสนิมเกิดแต่เนื้อใน ซึ่งเนื้อก็คือรัฐบาล โดยถ้ารัฐบาลไม่มีอะไรก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ส่วนการที่ พ.ต.ท.ทักษิณมักออกมาพูดว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรมของไทย นายประสพสุขกล่าวว่า กระบวนการยุติธรรมของไทยถือว่ามีความยุติธรรม เพราะหากไม่มีความยุติธรรมประเทศต่างๆ ในโลกก็จะไม่มีใครยอมรับ ดังจะเห็นได้จากกรณีประเทศอังกฤษที่ยังเชื่อในกระบวนการยุติธรรมของไทยภายหลังที่ศาลตัดสินคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ
เมื่อถามถึงการที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยพยายามเดินหน้าออกกฎหมายนิรโทษกรรมนักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง นายประสพสุขกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา และไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะออกกฎหมายดังกล่าว
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้ นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี สิ้นสุดสมาชิกภาพ เนื่องจากลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไม่เกิน 5 ปี ประธานวุฒิสภากล่าวว่า หนังสือที่ กกต.ส่งมาให้วุฒิสภาได้ระบุให้ประธานวุฒิสภาดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ หรือส่งให้ศาลฎีกา ซึ่งเมื่อได้ศึกษาดูแล้วก็ไม่แน่ใจว่าจะดำเนินการอย่างไร ดังนั้น เพื่อความชัดเจนในสัปดาห์หน้า จะทำหนังสือสอบถามไปยัง กกต.ว่าจะให้วุฒิสภาดำเนินการอย่างไรกันแน่