ลูกแชร์ ข่มขู่อุ้มเท้าแชร์เบี้ยวเงิน! ตร.ซ้อนแผนรวบ3หนีอีก3ราย

ลูกแชร์ ข่มขู่อุ้มเท้าแชร์เบี้ยวเงิน! ตร.ซ้อนแผนรวบ3หนีอีก3ราย

ลูกแชร์ ข่มขู่อุ้มเท้าแชร์เบี้ยวเงิน! ตร.ซ้อนแผนรวบ3หนีอีก3ราย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แชร์ล้ม! เท้าแชร์ไม่มีเงินจ่ายเกือบแสน ลูกแชร์พาชายฉกรรจ์กว่า 10 คนอุ้มเท้าแชร์พร้อมลูกทวงเงิน ข่มขู่พาโยนทะเล-อ้างเป็นสารวัตรสืบ-เจ้าหน้าที่ กอ.รมน. หวาดผวาให้ลูกออกจากโรงเรียน-หนีออกจากบ้าน สุดท้ายโร่แจ้งความ ตำรวจซ้อนแผนรวบแก๊งทวงหนี้ 3 ราย ตามล่าที่หลบหนีอีก 3 ราย

เหตุทวงหนี้โหดรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 8 กุมภาพันธ์ โดยนายอุกฤษฏิ์ ขวัญบุญ อายุ 45 ปี อาชีพรับซื้อของเก่าสินค้ามือสอง อยู่บ้านเลขที่ 40/282 หมู่บ้านเคซี 8 แขวงคลองสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กทม. เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ตัวเองพร้อมด้วย นางวนิดา คุ้มธนะกิจ อายุ 41 ปี ภรรยา และบุตรชายอายุ 12 ปี บุตรสาวอายุ 5 ขวบ เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.วรพล ทิพยโสธร ร้อยเวร สน.ลาดพร้าว เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นางพิกุล เดชสุภา อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 380/316 ซอยสันนิบาตเทศบาล ถ.จันทรเกษม กทม. และพวกอีกหลายคนในข้อหากรรโชกทรัพย์และกักขังหน่วงเหนี่ยว

นายอุกฤษฏิ์ให้การว่า เมื่อปี 2549 นางวนิดา ภรรยาได้ตั้งวงแชร์จำนวน 12 มือ โดยเล่นแชร์มือละ 1 หมื่นบาท และระหว่างที่เล่นแชร์มาจนถึงมือที่ 8 ปรากฏว่าลูกแชร์รายหนึ่งไม่ยอมส่งเงินแชร์ จนทำให้แชร์มีปัญหาและลูกแชร์ก็บอกว่าเท้าแชร์ต้องรับผิดชอบ ชดใช้เงินให้กับลูกแชร์กับมือที่เหลืออยู่ ในจำนวนนั้นมีนางพิกุล ซึ่งเท้าแชร์ต้องจ่ายเงินคืนให้ 6 หมื่นบาท นอกจากนั้นก็ยังมีนายประเสริฐ ฉัตรคอน ลูกเขยของนางพิกุล อีกจำนวน 4 หมื่นบาท ซึ่งก็ยอมรับว่า ที่ผ่านมายังไม่ได้คืนเงินให้กับนางพิกุลแต่อย่างใดเนื่องจากว่าแชร์ล้ม และอยู่ในระหว่างต้องหาเงินคืนให้ลูกแชร์ที่เหลือ

นายอุกฤษฏิ์กล่าวต่อว่า จนกระทั่งช่วงหลังนายสุพรรณ บุญปลั่งขจร อายุ 45 ปี สามีของนางพิกุล ได้โทรศัพท์มาข่มขู่ตนและภรรยา ให้นำเงินแชร์ของนางพิกุลและนายประเสริฐมาคืน ถ้าไม่นำเงินมาคืนให้ระวังตัวให้ดี โดยตนก็บอกนายสุพรรณว่าขอเวลาหาเงินก่อน เพราะว่าลูกแชร์ไม่ยอมจ่ายเงินให้ กระทั่งวันหนึ่งนางพิกุลได้ติดต่อมาว่าให้ตนกับภรรยามาซื้อแอร์เก่า โดยนัดไปพบที่ร้านอาหารเรือนพนา ย่านเกษตรนวมินทร์ เวลา 12.00 น. วันที่ 16 มกราคม ซึ่งเป็นวันครู ตนจึงพาครอบครัวมีทั้งภรรยาและลูกอีก 2 คน ไปพบนางพิกุลตามนัด

เมื่อเดินทางไปถึง พบนางพิกุลและนายสุพรรณยืนรออยู่พร้อมด้วยชายฉกรรจ์ อีกร่วม 10 คน ชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่ได้ผลักตนและภรรยาเข้าห้องคาราโอเกะ โดยแยกกันไปคนละห้อง และบอกว่าจะเอาตนไปถีบลงทะเล โดยข่มขู่เอาเงินที่พกอยู่ในตัวว่ามีเท่าไหร่เอามาให้หมด ตนมีอยู่ 520 บาท และถูกค้นกระเป๋า และบีบบังคับให้เอาเงินมาคืนนางพิกุล 1.2 แสนบาท

"จากนั้นก็ได้นำผมขึ้นรถมิซูบิชิ อีคาร์ สีดำ มีชายคุมไป 5 คน ส่วนเมียกับลูกขึ้นรถของผมไปโดยมีชายฉกรรจ์คุมไป พาไปที่บ้านของนางพิกุล ในซอยเสือใหญ่อุทิศ โดยให้ผมกับภรรยาทำหนังสือสัญญากู้ยืมเงินคนละฉบับ ฉบับละ 1.9 แสนบาท โดยให้ผมและภรรยาต่างคนต่างค้ำหนังสือสัญญากู้เงิน ซึ่งในระหว่างที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ซอยเสือใหญ่อุทิศ ก็ถูกข่มขู่ให้หาเงินมาชดใช้อยู่ตลอดเวลา ผมจึงได้ติดต่อพี่สาวทางโทรศัพท์ และพี่สาวได้โอนเงินมาให้ 4 หมื่นบาท" นายอุกฤษฏิ์กล่าว

หลังจากที่หาเงินมาได้ 4 หมื่นบาท นายสุพรรณก็ยังไม่ยินยอมปล่อยตนและครอบครัว ต้องการให้หาเงินมาให้อีก 4 หมื่นบาท จึงพยายามหามาอีก แต่ก็ได้มาแค่ 2 หมื่นบาท โดยพี่สาวนำสร้อยคอทองคำไปจำนำ จากนั้นนายสุพรรณบอกว่าวันที่ 17 มกราคม ให้นำเงินมาให้อีก 1 หมื่นบาท ก่อนที่กลุ่มคนร้ายจะขับรถพาตนและครอบครัวไปส่งที่บ้าน

"หลังจากนั้นในครอบครัวก็ตกอยู่ในความหวาดกลัว หวาดผวา จนต้องให้ลูกทั้ง 2 คนหยุดเรียน เพราะกลัวว่าจะถูกอุ้มอีก ผมกับภรรยาต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุนออกจากบ้าน งานการก็ไม่ได้ทำ จนกระทั่งวันนี้ นายสุพรรณได้โทรศัพท์มาหาให้ผมนำเงิน 1.2 แสนบาทไปให้ ผมก็บอกว่ายังหาไม่ได้ และช่วงตอนเย็นที่ผ่านมาได้โทรศัพท์มาข่มขู่อีก บอกว่าจะพาไปลงทะเล ซึ่งบางคนก็อ้างว่าเป็นสารวัตรสืบอยู่ สน.โชคชัย เป็นทหารอยู่ กอ.รมน. ผมกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยจึงแจ้งตำรวจ และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางแผนจับกุมตัวไว้ได้ 3 คน" นายอุกฤษฏิ์กล่าว

ด้านนางวนิดากล่าวทั้งน้ำตาว่า ทางครอบครัวเกิดความกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ถ้ายอมแพ้ไม่สู้ก็ต้องหนีอยู่ตลอด แต่เชื่อในความยุติธรรม ที่ผ่านๆ มาไม่กล้าให้ลูกซึ่งเรียนชั้น ป.6 และอนุบาล ไปเรียนหนังสือ ต้องไปอยู่ตามบ้านญาติ เพราะกลัวอิทธิพลมืด ทางกลุ่มคนร้ายได้ถ่ายรูปไว้ในวันเซ็นสัญญา และบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง โดยจ้างคนที่มาทวงเงินในราคา 1 แสนบาท ทางกลุ่มคนร้ายข่มขู่ตนว่าถ้าไม่นำเงินมาให้จะพาสามีตนไปโยนทะเลทางภาคใต้ ซึ่งตนเพิ่งตั้งวงแชร์ ไม่คิดว่าลูกแชร์จะเบี้ยว ทำให้แชร์ล้ม แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องถึงขนาดนี้

ขณะที่ ร.ต.ท.วรพลกล่าวว่า หลังจากรับแจ้งได้วางแผนจับกุมคนร้ายโดยให้นายอุกฤษฏิ์นัดคนร้ายว่าจะนำเงินไปให้ที่ครัวตนุ ซอยโพธิ์แก้ว ถ.นวมินทร์ จำนวน 1 แสนบาท หลังจากนั้นได้ประสาน พ.ต.ท.ทรงศักดิ์ จันทรพัชร สว.สส.สน.ลาดพร้าว ร.ต.อ.นิวัติ อาจวัง รองสว.สส.สน.ลาดพร้าว พร้อมกำลัง ไปที่ร้านเข้าจับกุมนางพิกุล เดชสุภา นายสุพรรณ บุญปลั่งขจร สองสามีภรรยา และนายประเสริฐ ฉัตรคอน ในข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ กักขังหน่วงเหนี่ยว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังขอหมายจับกุมแก๊งอุ้มที่ยังหลบหนีอยู่อีก 3 คน ได้แก่ นายอัครวินท์ แก้วพิจิตร อายุ 32 ปี ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ กอ.รมน. นายโกวิทย์ ภานุสนธ์ อายุ 35 ปี ซึ่งอ้างว่าเป็น สว.สส.สน.โชคชัย และนายกิตติคม เย็นกูล อายุ 31 ปี ถ้าสืบสวนสอบสวนพบว่ายังมีผู้ร่วมแก๊งอีก ก็จะขอหมายศาลติดตามจับกุมต่อไป

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook