ภาษี รถแข่ง และช้างไทย!
มนุษย์เงินเดือน เงินดาวน์อย่างเราๆท่านๆทั้งหลายคงทราบกันดีว่า ช่วงนี้เป็นเป็นฤดูจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา พลเมืองดีทุกคนต้องมีหน้าที่ยื่นแบบเพื่อแสดงรายการยื่นภาษีประจำปีในทุกครั้ง ได้คืนบ้าง เสียเพิ่มบ้างไปตามประสา
ส่วนใครที่หลบเลี่ยงหาทางลอดช่อง หนีภาษี ก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงาน อย่างกรมสรรพากรต้องไปไล่เก็บ ต้องทำหน้าที่ให้เต็มกำลังอย่าปล่อยปละละเลย เกรงใจเงินเดือนที่เก็บจากภาษีของประชาชีที่เขาเสียภาษีอย่างถูกต้องมาตลอดด้วย และที่สำคัญจะทำให้รัฐบาลมีรายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ตัวเลขรายได้จะเพิ่มขึ้นเงินคงคลังจะได้เพิ่มขึ้นตามที่ควรจะเป็น ไม่ถูกกล่าวหาว่าถังแตกเหมือนก่อนหน้านี้ และจะได้เอาไปพัฒนาประเทศให้เจริญยิ่งๆขึ้น และเหมาะสม
ก็อย่างที่หลายๆคนเคยบอกไว้ว่า ตัวเลขเงินคงคลัง ซึ่งสะท้อนเงินสดหมุนเวียนของรัฐบาลที่สามารถนำมาใช้จ่ายได้นั้น ไม่สำคัญเท่ากับ วิธีการใช้จ่ายของรัฐบาลว่าเหมาะสมคุ้มค่ากับ หยาดเหงื่อแรงงานของประชาชนผู้เสียภาษีหรือไม่ ?
เมื่อวานนี้มีมติ ครม.ที่น่าสนใจมากมายหลายเรื่อง แต่มีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยก็คือ ครม.อนุมัติงบประมาณวงเงิน 300 ล้านบาท ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯเสนอ เพื่อนำไปใช้ในการขอลิขสิทธิ์ในการจัดเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน โมโต จีพี ซึ่งเป็นการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เป็นระยะเวลา 3 ปี ตกปีละ 100 ล้านบาท
โดยเหตุผลสำคัญที่ กระทรวงท่องเที่ยว ให้เหตุผลคือ รายการแข่งขันนี้เป็นรายการระดับโลก จะเป็นการทำให้ทั่วโลกรู้จักประเทศไทยมากยิ่งขึ้น และส่งผลต่อการท่องเที่ยว ต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่อง อย่างเช่นอุตสาหกรรมผลิตจักรยานยนต์อีกด้วย..
ฟังดูก็ดี ก็ใช่....แต่ มีหลายคนค้างคาใจ....ว่า การแข่งขันรถจักยานยนต์นี้ ซึ่งเป็นธุรกิจประเภทหนึ่ง สนามแข่งขันเป็นของเอกชนรายหนึ่ง ชื่อสนามก็ชัดเจนว่า “สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลฯ” ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่า เจ้าของสนามเป็นความร่วมมือกันของยักษ์ใหญ่ เจ้าพ่อน้ำเมา เจ้าของกิจการไทยเบฟฯ เจ้าของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ตระกูลตราช้าง ที่เพิ่งได้รับการยกย่องจากบลูมเบิร์กจัดให้เป็นมหาเศรษฐีรวยอันดับ 69 ของโลก มีทรัพย์สินราว 14.3 พันล้านเหรียญ สหรัฐ กับ อดีตนักการเมืองคนดัง เนวิน ชิดชอบ ที่ผันตัวเองมา เป็นเจ้าของทีมฟุตบอลชื่อดัง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
สิ่งที่ค้างคาใจก็คือ ทำไม ในฐานะรัฐบาลถึงกับเงินงบประมาณ เงินภาษีของประชาชนจำนวนถึง 300 ล้านไปสนับสนุน การแข่งขันที่ดำเนินการโดยเอกชน...ทั้งๆ ที่ว่าไปแล้ว เอกชนรายนี้ มีศักยภาพมากมายมหาศาล?
เหตุผลเรื่องการประชาสัมพันธ์ประเทศให้เป็นที่รู้จักของโลกนั้น ในยุคปัจจุบัน ถามจริงในยุค 4 จี ยุคที่คนเชื่อมโยงกันง่ายดายเพียงปลายนิ้ว ยุคที่สาวๆสามารถคบหาเพื่อนต่างชาติได้ง่ายสะดวกยิ่ง ประเทศไทยมีชื่อเสี่ยงในเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกมากมาย บรรดานักกีฬาระดับโลกเมื่อถึงช่วงพักผ่อน ยังบินมาเที่ยวมาพักภูเก็ต เชียงใหม่ฯเป็นว่าเล่น...ยังมีใครอีกมากน้อยที่ไม่รู้จักประเทศไทย...?
ส่วนการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกที่เป็นที่รู้จักและมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ซึ่งจัดโดยเอกชน ลงทุนเองโดยเอกชน และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยมาก่อน อย่าง การแข่งขันกอล์ฟ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ ซึ่งเพิ่งผ่านการแข่งขันไปไม่นาน ทำไม เขาจึงสามารถทำได้ โดยที่รัฐบาล โดยที่ ครม.ไม่ต้องอนุมัติงบประมาณให้ ? แต่ทำไมรายการ แข่งรถรายการนี้ รัฐบาลตั้งงบประมาณให้กันเลยทีเดียว.....?
สิ่งที่คนค้างคาใจก็คือ ใครได้ประโยชน์ มากน้อยเพียงใด...?
ในขณะไม่นานมานี้ องค์กรอย่างมูลนิธิเพื่อนช้าง ได้ประกาศปิดตัวเอง โดยบอกว่าไม่มีงบประมาณที่จะดำเนินการต่อไป เจ้าของมูลนิธิเองใช้เงินส่วนตัวไปจนไม่สามารถจะรับภาระได้ต่อไปแล้ว...? จนกระทั้ง มีประชาชนเข้ามาช่วยบริจาคเพื่อสนับสนุนให้ มูลนิธิสามารถเดินหน้าในการดูแล ช้าง สัตว์คู่บ้านคู่เมือง กันต่อไป... ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรเงินเหล่านี้จะหมด และ จะต้องประกาศปิดตัวลงอีกหรือไม่...? และแล้วช้างไทย ช้างตัวเป็นๆ ก็ยังคงไม่รู้อนาคตว่าจะได้รับการดูแล้วไปอีกเท่าไรอย่างไร...?
โดย เปลวไฟน้อย