ภาษี รถแข่ง และช้างไทย!

ภาษี รถแข่ง และช้างไทย!

ภาษี รถแข่ง และช้างไทย!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มนุษย์เงินเดือน  เงินดาวน์อย่างเราๆท่านๆทั้งหลายคงทราบกันดีว่า ช่วงนี้เป็นเป็นฤดูจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา  พลเมืองดีทุกคนต้องมีหน้าที่ยื่นแบบเพื่อแสดงรายการยื่นภาษีประจำปีในทุกครั้ง  ได้คืนบ้าง เสียเพิ่มบ้างไปตามประสา

ส่วนใครที่หลบเลี่ยงหาทางลอดช่อง หนีภาษี ก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงาน อย่างกรมสรรพากรต้องไปไล่เก็บ  ต้องทำหน้าที่ให้เต็มกำลังอย่าปล่อยปละละเลย  เกรงใจเงินเดือนที่เก็บจากภาษีของประชาชีที่เขาเสียภาษีอย่างถูกต้องมาตลอดด้วย   และที่สำคัญจะทำให้รัฐบาลมีรายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ตัวเลขรายได้จะเพิ่มขึ้นเงินคงคลังจะได้เพิ่มขึ้นตามที่ควรจะเป็น  ไม่ถูกกล่าวหาว่าถังแตกเหมือนก่อนหน้านี้  และจะได้เอาไปพัฒนาประเทศให้เจริญยิ่งๆขึ้น  และเหมาะสม 

ก็อย่างที่หลายๆคนเคยบอกไว้ว่า ตัวเลขเงินคงคลัง ซึ่งสะท้อนเงินสดหมุนเวียนของรัฐบาลที่สามารถนำมาใช้จ่ายได้นั้น ไม่สำคัญเท่ากับ  วิธีการใช้จ่ายของรัฐบาลว่าเหมาะสมคุ้มค่ากับ หยาดเหงื่อแรงงานของประชาชนผู้เสียภาษีหรือไม่ ?

เมื่อวานนี้มีมติ ครม.ที่น่าสนใจมากมายหลายเรื่อง แต่มีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยก็คือ  ครม.อนุมัติงบประมาณวงเงิน 300 ล้านบาท ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯเสนอ เพื่อนำไปใช้ในการขอลิขสิทธิ์ในการจัดเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน โมโต จีพี ซึ่งเป็นการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบ   ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เป็นระยะเวลา 3 ปี  ตกปีละ 100 ล้านบาท

โดยเหตุผลสำคัญที่ กระทรวงท่องเที่ยว ให้เหตุผลคือ รายการแข่งขันนี้เป็นรายการระดับโลก จะเป็นการทำให้ทั่วโลกรู้จักประเทศไทยมากยิ่งขึ้น  และส่งผลต่อการท่องเที่ยว ต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่อง อย่างเช่นอุตสาหกรรมผลิตจักรยานยนต์อีกด้วย..

ฟังดูก็ดี ก็ใช่....แต่ มีหลายคนค้างคาใจ....ว่า   การแข่งขันรถจักยานยนต์นี้ ซึ่งเป็นธุรกิจประเภทหนึ่ง    สนามแข่งขันเป็นของเอกชนรายหนึ่ง   ชื่อสนามก็ชัดเจนว่า “สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลฯ” ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่า เจ้าของสนามเป็นความร่วมมือกันของยักษ์ใหญ่ เจ้าพ่อน้ำเมา เจ้าของกิจการไทยเบฟฯ เจ้าของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ตระกูลตราช้าง ที่เพิ่งได้รับการยกย่องจากบลูมเบิร์กจัดให้เป็นมหาเศรษฐีรวยอันดับ 69  ของโลก มีทรัพย์สินราว 14.3 พันล้านเหรียญ สหรัฐ  กับ อดีตนักการเมืองคนดัง เนวิน  ชิดชอบ ที่ผันตัวเองมา เป็นเจ้าของทีมฟุตบอลชื่อดัง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

สิ่งที่ค้างคาใจก็คือ ทำไม  ในฐานะรัฐบาลถึงกับเงินงบประมาณ เงินภาษีของประชาชนจำนวนถึง 300 ล้านไปสนับสนุน การแข่งขันที่ดำเนินการโดยเอกชน...ทั้งๆ ที่ว่าไปแล้ว เอกชนรายนี้ มีศักยภาพมากมายมหาศาล?

เหตุผลเรื่องการประชาสัมพันธ์ประเทศให้เป็นที่รู้จักของโลกนั้น  ในยุคปัจจุบัน ถามจริงในยุค 4 จี ยุคที่คนเชื่อมโยงกันง่ายดายเพียงปลายนิ้ว  ยุคที่สาวๆสามารถคบหาเพื่อนต่างชาติได้ง่ายสะดวกยิ่ง  ประเทศไทยมีชื่อเสี่ยงในเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกมากมาย  บรรดานักกีฬาระดับโลกเมื่อถึงช่วงพักผ่อน  ยังบินมาเที่ยวมาพักภูเก็ต เชียงใหม่ฯเป็นว่าเล่น...ยังมีใครอีกมากน้อยที่ไม่รู้จักประเทศไทย...?

ส่วนการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกที่เป็นที่รู้จักและมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ซึ่งจัดโดยเอกชน  ลงทุนเองโดยเอกชน และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยมาก่อน อย่าง การแข่งขันกอล์ฟ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์  ซึ่งเพิ่งผ่านการแข่งขันไปไม่นาน   ทำไม  เขาจึงสามารถทำได้  โดยที่รัฐบาล โดยที่ ครม.ไม่ต้องอนุมัติงบประมาณให้  ?  แต่ทำไมรายการ แข่งรถรายการนี้ รัฐบาลตั้งงบประมาณให้กันเลยทีเดียว.....?

สิ่งที่คนค้างคาใจก็คือ  ใครได้ประโยชน์  มากน้อยเพียงใด...?

ในขณะไม่นานมานี้   องค์กรอย่างมูลนิธิเพื่อนช้าง  ได้ประกาศปิดตัวเอง โดยบอกว่าไม่มีงบประมาณที่จะดำเนินการต่อไป เจ้าของมูลนิธิเองใช้เงินส่วนตัวไปจนไม่สามารถจะรับภาระได้ต่อไปแล้ว...? จนกระทั้ง มีประชาชนเข้ามาช่วยบริจาคเพื่อสนับสนุนให้ มูลนิธิสามารถเดินหน้าในการดูแล  ช้าง  สัตว์คู่บ้านคู่เมือง  กันต่อไป...  ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรเงินเหล่านี้จะหมด  และ จะต้องประกาศปิดตัวลงอีกหรือไม่...?  และแล้วช้างไทย  ช้างตัวเป็นๆ  ก็ยังคงไม่รู้อนาคตว่าจะได้รับการดูแล้วไปอีกเท่าไรอย่างไร...?

โดย เปลวไฟน้อย

 

 

 

 

 

 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook