สั่งเร่งแก้เด็กพลาดสอบเอเน็ต อภิสิทธิ์ ลั่นศธ.ผิดต้องคืนสิทธิ

นายกฯ อภิสิทธิ์สั่งกระทรวงศึกษาธิการเร่งแก้ปัญหาเด็กนักเรียนไม่ได้สอบเอเน็ต ลั่นปัญหาจากกระทรวงศึกษาธิการต้องคืนสิทธิให้นักเรียน หากเกิดจากปัจจัยอื่นต้องหาทางช่วยเหลือ เชื่อคงมีผู้สละสิทธิมาก ยันสถานะเงินคงคลังของประเทศ ยังเพียงพอ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ว่า เป็นห่วงนักเรียนที่ไม่ได้สอบ เอเน็ต วันก่อนผู้ปกครองมาร้องเรียน ซึ่งก็ได้ส่งเรื่องให้กระทรวงศึกษาธิการไปดำเนินการ โดยดูว่าปัญหาเกิดจากที่ไหน ถ้าปัญหาเกิดจากกระทรวงศึกษาธิการเองก็จะต้องคืนสิทธิให้นักเรียน แต่ถ้าไม่ใช่ความผิดของกระทรวงก็ขอให้ช่วยดูว่าจะช่วยเหลืออย่างไร

"ทุกปีจะมีปัญหาเด็กที่ไม่สามารถเข้าไปสอบเอเน็ตได้ ปีนี้จำนวนลดลงมาเล็กน้อยเพียง 20,000 ราย ขณะนี้เปิดโอกาสให้มาร้องเรียน แล้วมาแยกแยะ เพราะในจำนวน 2 หมื่นรายนี้มีจำนวนมากที่สละสิทธิ" นายกรัฐมนตรี กล่าวและว่า

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลหรือรัฐมนตรีจะไปสั่งทันทีโดยให้คืนสิทธิคงไม่ได้ เพราะทางผู้บริหารมหาวิทยาลัยก็เห็นว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามระเบียบ ซึ่งก็ต้องจะเร่งรัดให้ข้อนี้มีข้อยุติ ซึ่งรัฐบาลยังมุ่งมั่นแก้ปัญหาในทุก ๆ ด้าน

ยันสถานะเงินคงคลังของประเทศ ยังเพียงพอ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจว่า รัฐบาลจะเร่งแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งการประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้กระทรวงการคลัง กำหนดกรอบเจรจาเพื่อทาบทามสถาบันเงินกู้ต่างประเทศ เพื่อสำรองไว้เป็นช่องทางถ้าในไตรมาศที่ 2 เกิดภาวะวิกฤติทางการเงิน จะได้นำเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะขณะนี้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลก แต่การตรวจสอบจากกระทรวงการคลัง ได้รับการยืนยันว่า สถานะเงินคงคลังของประเทศ ยังมีจำนวนเพียงพอต่อการนำมาใช้จ่าย ดังนั้น ขณะนี้จะยังไม่กู้เงิน แต่เผื่อไว้ถ้าเกิดวิกฤติ

นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ประชาชนมั่นใจว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ผ่านกระบวนการคิดอย่างรอบคอบแล้ว จะไม่ทำให้การขาดดุลงบประมาณ การกู้เงินในประเทศ หรือหนี้สาธารณะ เกินเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ดังนั้น การใช้จ่ายจึงต้องระมัดระวังรอบคอบ และให้สามารถกระจายสู่ประชาชนทุกกลุ่ม รวมถึงให้เบิกจ่ายได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งจะควบคุมไม่ให้เกิดการขาดดุลอย่างเด็ดขาด คาดว่าโครงการต่าง ๆ จะสามารถเริ่มดำเนินการได้ช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายนนี้

นายกรัฐมนตรียังกล่าวด้วยว่า ในอีก 2 สัปดาห์นี้ จะสามารถกำหนดตัวเลขงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2553 ได้ นอกจากนี้ ในที่ประชุม ครม.วันอังคารนี้ จะเร่งรัดนโยบายต่างๆ ที่ ครม.อนุมัติไปแล้วด้วย