หลายฝ่ายต่อต้านประเพณีการขลิบอวัยวะเพศเด็กหญิงในอินโดนีเซีย
เด็กหญิงอายุเพียง 18 เดือน ถูกจับแต่งตัวด้วยชุดสวย สวมมงกุฏติดโบว์งดงาม เพื่อเตรียมทำพิธีพิเศษคือ การขลิบอวัยวะเพศ พิธีการนี้จะมีญาติมิตร มาร่วมฉลองกันหลายคน ที่บ้านของเธอซึ่งอยู่ในท้องที่ห่างไกล ในจังหวัด Gorontalo
การขลิบอวัยวะเพศนี้ จะกระทำโดยหมอชาวบ้าน เขาจะใช้มีด ที่ทำความสะอาดด้วยมะนาว ตัดส่วนบนของคลิตอริสออก ซึ่งพวกเขาเรียกมันว่า Garlic skin เมื่อเสร็จพิธี เด็กก็จะเป็นมุสลิมอย่างเต็มตัว
Arjun Djafar พ่อวัย 23 ปี บอกว่า ตอนที่ได้ยินเสียงลูกร้องด้วยความเจ็บปวด มันทรมานใจ แต่มันคือประเพณี
การขลิบอวัยวะเพศหญิงนี้ เป็นประเพณีที่ทำสืบต่อกันมาทั่วอินโดนีเซีย ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่มีชาวมุสลิมมากที่สุดในโลก แต่ทางองค์การสหประชาชาติ เห็นว่า รัฐบาลควรสั่งห้ามประเพณีดังกล่าว ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงท้องถิ่นห่างไกลอย่าง Gorontalo เท่านั้น แต่ประเพณีนี้ ยังทำกันในเมืองที่มีความอนุรักษ์นิยมหลายแห่ง
มีการสำรวจพบด้วยว่า เด็กหญิงที่มีอายุน้อยกว่า 11 ปี จำนวนกว่า 80 เปอร์เซนต์ ในเมือง Gorontalo ผ่านพิธีนี้มา ส่วนเมืองอื่น ๆ ทั่งประเทศ มีเด็กหญิงที่ถูกขลิบประมาณ 50 เปอร์เซนต์
Khadijah Ibrahim หมอชาวบ้านผู้ทำพิธี บอกว่า เธอได้รับการถ่ายทอดวิธีการขลิบมาจากแม่ของเธอ ซึ่งได้เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว และเธอบอกว่า หากเด็กหญิงคนใด ไม่ผ่านพิธีกรรมนี้ จะมีความเสี่ยงที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีปัญหาทางด้านอารมณ์ รวมทั้งกลายเป็นคนพิการ การกระทำดังกล่าว จึงเป็นการป้องกันเด็ก ๆ ไม่ให้ต้องมีชีวิตที่ไม่ดีในภายหลัง
มีรายงานด้วยว่า ครอบครัวในเมืองใหญ่อย่างกรุง Jakarta ก็ยังต้องการขลิบอวัยวะเพศลูกสาว มีการส่งตัวมาให้แพทย์ทำให้ ซึ่งกระบวนการทำนั้นปลอดภัยกว่าและ มีการเย็บแผลให้เด็กด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางองค์การสหประชาชาติ ระบุว่า การกระทำดังกล่าวนี้ ถือเป็นกระบวนการที่โหดร้ายต่อผู้หญิง ไม่ได้มีข้อดีใด ๆ ในเรื่องสุขภาพเลย อีกทั้งยังทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้อีก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องวัยเจริญพันธุ์ อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ หรือให้กำเนิดทารกโดยมีภาวะแทรกซ้อนอีกด้วย
ปัญหาดังกล่าวนี้ มีการโต้แย้งกันอย่างร้อนแรงหลายครั้งในอินโดนีเซีย กลุ่มนักต่อต้าน รวมทั้งองค์กรมุสลิมเอง ก็ยังเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่รุนแรงต่อผู้หญิง เป็นการริดรอนสิทธิ์ในร่างกายของตนเอง