ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา "ไต้ฝุ่น กนกฉัตร" เฉียดตายเพราะความเกเร

ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา "ไต้ฝุ่น กนกฉัตร" เฉียดตายเพราะความเกเร

ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา "ไต้ฝุ่น กนกฉัตร" เฉียดตายเพราะความเกเร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คำโบราณท่านว่า …. ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำ คำนี้ดูเหมือนว่า "ไต้ฝุ่น เคพีเอ็น" หรือว่า "ไต้ฝุ่น กนกฉัตร" น่าจะรู้ซึ้งและเข้าใจดี ย้อนกลับไปของช่วงชีวิต ม. ปลาย ไต้ฝุ่น เคพีเอ็น ยอมเปิดใจเล่าเรื่องราวในอดีตของตนเองเพื่อเป็นอุทาหรณ์การใช้ชีวิตวัยรุ่นที่เลือดร้อนขาดสติเกเรจนคุณแม่จะก้มกราบ สุดท้ายการ "เฉียดความตาย" จึงจุดเปลี่ยนชีวิตครั้งใหญ่ของตนเอง

"ไต้ฝุ่น เคพีเอ็น" เล่าว่าช่วงชีวิต ม.ปลาย ของตนนั้นเป็นวัยรุ่นเป็นคนใจร้อนมากไม่มีเหตุผล รักเพื่อน และเกือบหมดอนาคตเพราะคำว่าขาดสติ

"วันนั้นเพื่อนมีเรื่องโทรมาบอก ผมก็ออกจากบ้านเลยในรถก็มีมีดสปาต้า จำได้ว่าแม่ตะโกนตามหลังว่าน้องเดี๋ยวก่อนกินข้าวก่อนเดี๋ยวแม่ไปส่ง ผมโกหกแม่ว่าจะไปบ้านสี บ้านที่เด็กนักเรียนมารวมตัวทาสีกัน ผมขับออกไปด้วยความเร็วมาก ผมก็โทรหาเพื่อนสนิทผม มึงฟังกูนะ กูสาบานเลยกูจะฆ่ามัน ผมพูดอย่างนั้นเลยพอวางหูไปเท่านั้นครับ รถผมชนเลยพังยับ กะโหลกยุบแต่ไม่โดนเนื้อสมองแต่คำว่ากะโหลกยุบมันก็เป็นอะไรที่น่ากลัว ภาพหน้าแม่ลอยมาเลย พอแม่มาถึงไม่ด่าซักคำและก็พาผมส่งโรงพยาบาล เหตุการณ์นี้เลยทำให้ผมคิดได้ว่าไม่น่าเลยทุกอย่างมันพังหมดกับการขาดสติ หลังจากนั้นก็เลยคิดเปลี่ยนแปลงตัวเองตลอดมาพยายามใจเย็นให้มากขึ้น"

แต่ก่อนที่จะคิดได้เพราะเฉียดความตาย "ไต้ฝุ่น เคพีเอ็น" ยังเล่าย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาที่ตนเองดื้อและเกเร มีเรื่องชกต่อยไม่เว้นแต่ละวัน

"คือเวลาที่เราอยู่กันในกลุ่มเพื่อนๆ มันเหมือนบิ๊วกันอะไรนิดหน่อยก็แบบว่ามึงยอมหรอ แค่รถตุ๊กๆ ปาดหน้าผมจอดรถคว้ามีดช่วงวัยรุ่นตอนนั้นอะไรสะกิดไม่ได้เลยอารมณ์ร้อนมาก มีชกต่อยจนถึงขั้นที่ผมหนีตายไปมีเรื่องกับต่างโรงเรียนตอนไปเรียน รด. และเดินชนกันที่โรงอาหาร มองหน้ากันไปมานัดกันผมไปประมาณ 30 คนก็คิดว่าเยอะแล้ว แต่เขามาแบบเยอะกว่ามีไม้มีอาวุธ เดินไปจะคุยแต่เขาไม่คุยขว้างไม้ใส่เปิดเลย เรามือเปล่าตอนนั้นก็หนี ผมเลยเข้าใจคำว่าหนีตายเลยมันเป็นยังไง ผมดื้อและเกเรถึงขั้นแม่ผมเคยจะก้มกราบเท้า เกเรสารพัดจนแม่ปวดหัว มีเรื่องชกต่อยในโรงเรียน โดนเชิญผู้ปกครองแต่ก็แอบเอาคนอื่นไปแทน"

ไม่ง่ายกว่าผมจะเป็น "ไต้ฝุ่น เคพีเอ็น"

"ไต้ฝุ่น" เด็กหนุ่มจากจังหวัดเชียงใหม่ เติบโตจากครอบครัวข้าราชการที่มีระเบียบและก็ค่อนข้างคาดหวังเรื่องการเรียนลูกและอยากให้รับราชการ ตรงกันข้ามไต้ฝุ่นกับชอบและสนใจทางด้านศิลปะ จึงเป็นสิ่งที่ขัดแย้งเป็นจุดขัดแย้งที่พ่อและแม่มองเรื่องความมั่นคงในอนาคต

จนช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัยเขาไม่ได้ทำในสิ่งที่พ่อแม่ต้องการ ทำให้คุณแม่โกรธและยื่นคำขาดถ้าไปไม่สุดไม่ต้องกลับมา ด้านเส้นทางวงการบันเทิงของ "ไต้ฝุ่น เคพีเอ็น" เขาเล่าว่าได้ผ่านการเดินสายประกวดเป็นร้อยเวที ไปประกวดเวทีไหนก็ตกรอบเสมอ มากขึ้นบ่อยๆ ก็กลายเป็นความท้อที่เกือบถอดใจ

"คือครอบครัวไม่ได้สนับสนุนผมทางด้านนี้ผมต้องดิ้นรนเองมันก็เลยทำให้ผมรู้ว่าผมรักมันจริงๆ  เพราะเราพยายามทำ แต่ก็มีท้อและร้องไห้ตลอดกับเส้นทางที่ผมเลือก เวลาไปออดิชั่นนอกจากจะรอนานมากและเราไปพร้อมความคาดหวังอยากเข้ารอบ ขอซักรอบหนึ่งรอบสองก็ยังดีแต่ผมไม่เข้ารอบเลย เดอะสตาร์ก็ไป เอเอฟก็ไป และก็เวทีอื่นๆ มากมาย และมันก็เหมือนเดิม พอผิดหวังบ่อยๆ ก็คิดคงได้แค่นี้แหละ จนจะถอดใจไม่เอาแล้ว แต่ก็ไม่ได้เพราะเลือกเองแล้ว ส่วนเวทีเคพีเอ็นที่ได้จริงๆ คือจะไม่เอาแล้วเพราะไม่อยากเสียใจแล้ว แต่วันนั้นกลับบ้านวันแม่ และแม่ก็บอกว่าถือว่าทำเป็นของขวัญวันแม่แล้วกัน และก็เข้ารอบเป็นตัวแทนภาครอบ 20 คน และตอนประกาศ 10 คนสุดท้าย จนมาเป็นวันนี้ครับ"

วัยเปลี่ยนความคิด เคพีเอ็นเปลี่ยนชีวิต

"ช่วงประกวดจบใหม่ๆ ผมก็ยังมีเหลิงคิดว่าตัวแบบว่าเป็นดาราแล้วเก็บเงินไม่อยู่ใช้จ่ายเก่งมาก คือเมื่อก่อนเราไม่เคยมีใครสนใจตอนนี้มีคนมากรี๊ดมาเชียร์มันก็เลยเหลิงในชื่อเสียง บวกกับมีรายได้ผมก็ใช้จ่ายอะไรที่เราไม่เคยมีไม่เคยได้ อยากได้อะไรซื้อ จนมาพี่คนหนึ่งในเคพีเอ็นเขาสอนผมเรื่องธรรมะ และก็ให้สติผมคิดมองย้อนกลับมาดูครอบครัว ซึ่งไหว้พระสวดมนต์นั่งสมาธิผมก็ไม่รู้ทำไมต้องทำ แต่ก็ทำมาถึงทุกวันนี้ รู้สึกได้เลยว่าความคิดผมเปลี่ยนทำอะไรก็จะนึกถึงหน้าและหลังเสมอ เวลาเห็นแม่เสยผมแล้วผมเห็นผมงอกแม่ผมใจหวิวเลยนะ มันเป็นสิ่งที่กำลังบอกว่าเขาแก่ลงทุกวัน จะอยู่กับเราได้อีกนานแค่ไหน มันก็เลยคิดว่าทำไมเราไม่ทำให้เขามีความสุขมากๆ ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม"

เมื่อถามความรู้สึกการใช้ชีวิตในวันเก่าๆ ที่ใช้ชีวิตโชกโชนไปกลับการเกเรเขาเล่าว่า รู้สึกตลกตัวเองที่ทำอะไรลงไป ไปตีไปต่อยกันเพื่ออยากให้เป็นที่ยอมรับของกลุ่มเพื่อนโดนไม่ถึงพ่อแม่

"วัยนั้นมักไม่คิดอะไรเพื่อนมาก่อน ต้องทำตัวเลว เวลายื่นต้องถุยน้ำลายแล้วเอาเท้าขยี้ทำตัวถ่อยๆ แล้วจะเท่มาก ตบหัวเพื่อนโชว์ ใครจะด่าจะแช่งไม่สนใจเพราะคิดแต่ว่าเท่ แต่พอมาถึงวันนี้ผมเสียดายมั้ยที่เคยเป็นเด็กเกเรผมไม่เสียดาย แต่ได้รู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ดีแล้วเราก็ไม่ควรทำ อย่างน้อยผมก็โชคดีกว่าหลายๆ คนที่คิดได้ไม่ปล่อยให้ชีวิตถลำไปจนเสียคน และได้อยู่มาจนถึงวันนี้ที่เข้าใจความหมายของคำว่าชีวิตว่ามันมีอะไรให้ทำมากมายมากกว่าทำตัวถ่อยไปวันๆ ผมจึงอยากจะฝากน้องๆ วัยรุ่นใครที่กำลังเดินบนเส้นทางแบบที่ผมเคยเดินรีบเปลี่ยนตัวเองเถอะ เปลี่ยนตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่ามาเปลี่ยนตอนโตแล้วมันจะสายเกินไป"

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ ของ ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา "ไต้ฝุ่น กนกฉัตร" เฉียดตายเพราะความเกเร

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook