ปีเตอร์ เปิดใจสถานะชีวิตคู่ พลอย น้ำตาซึมในวันที่ได้เจอลูก!!
ได้ใจแฟนคลับไปเต็มๆ สำหรับคุณพ่อลูกสอง "ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล" นับตั้งแต่มีภาพของเจ้าตัวกับ "พลอย พลอยพรรณ" ภรรยาสาว ที่ถ่ายร่วมเฟรมกันในงานปาร์ตี้วันเกิดของลูกชายคนโต "น้องแพนเตอร์" ออกมาให้เห็น ก็ดูเหมือนว่าฟีดแบคด้านดีจะมีตามมาเรื่อยๆ แถมในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา เจ้าตัวก็ยังทำหน้าที่เป็นสุดยอดป๊ะป๋า ใช้เวลาดูแลสองแสบ "น้องแพนเตอร์" และ "น้องพูม่า" แบบเต็มที่!!
ล่าสุด พอมีโอกาสเจอกับหนุ่ม ปีเตอร์ คอร์ป บรรดาสื่อก็เลยต้องเข้าไปสอบถามสักหน่อยว่า สถานะครอบครัวและถึงสถานะชีวิตคู่ของเจ้าตัวกับ พลอย พลอยพรรณ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ซึ่ง หนุ่มปีเตอร์ ก็ได้เผยกับเราว่า
"ผมขอเล่าเลยละกัน หลังจากที่มีความวุ่นวายเกิดขึ้น ตอนนี้เราก็ใจเย็นกันมากขึ้น เริ่มคุยกันได้มากขึ้น ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะพอเราเริ่มคุยกันได้เราก็มีเวลาให้เด็กๆ มากขึ้น ซึ่งตอนนี้เราคุยกันไว้ว่าการที่เราทะเลาะกันมันไม่ได้มีอะไรดี เพราะมันก็จะทำให้เด็กๆ เขาสับสนซะเปล่าๆ"
อะไรคือจุดที่ทำให้เราเปลี่ยนความคิด ?
"ต้องขอย้อนกลับไปนิดหนึ่ง คือผมจะเป็นคนที่ไม่ค่อยเล่ารายละเอียดอะไรมากนักซึ่งเรื่องนี้ทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แล้ว แต่ผมก็ขอเล่าคร่าวๆ ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆ มันสามารถควบคุมได้ แต่ว่าตอนนั้นมันอาจจะมีอะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้ไม่ลงตัว แต่มันไม่ได้หมายความว่ามีใครถูกหรือมีใครผิด ซึ่งตอนนั้นผมเลือกที่จะถอย และถือว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ยากมากสำหรับผม แต่หลายๆ คนกลับตีความไปว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นแบบนั้นแบบนี้ ซึ่งในที่สุดผมก็ต้องใช้เวลาแต่มันอาจจะนานมากไปหน่อย แต่ผมก็ขอยืนยันครับว่าที่ผมถอยไม่ได้แปลว่าผมทิ้ง ตอนนี้ต่างคนต่างใจเย็นลงและได้คุยกันมากขึ้น ทุกอย่างเลยได้มาโฟกัสที่ลูกเพื่อที่จะสร้างอนาคตที่ดีให้กับเขา"
ช่วงนี้เด็กๆ ได้เจอหน้าเราบ่อยขึ้นไหม ?
"ครับ ต่างคนก็ต่างดีใจ"
ตอนนี้กลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมแล้วหรือเปล่า ?
"ไม่ครับ ต้องบอกว่าเรื่องระหว่างผมกับพลอยมันเลยจุดที่จะอยู่ด้วยกันแล้ว ซึ่งพลอยเขาก็พูดเหมือนกัน แต่เราก็คุยกันไว้ว่าเราต้องใจเย็นให้มากขึ้นเพื่อสร้างอนาคตของลูก"
เรียกว่าจบความสัมพันธ์ในฐานะสามีภรรยา แต่สถานะพ่อแม่ก็ยังมีอยู่ ?
"ใครที่กำลังมีปัญหาครอบครัว จะอยู่ด้วยกันได้หรือไม่ได้มันขึ้นอยู่กับคนสองคนจริงๆ ครับ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือถ้าอยู่ด้วยกันไม่ได้จริงๆ เราก็จะต้องทำหน้าที่พ่อแม่เพื่อลูก ยิ่งเราข้ามปัญหาที่มีระหว่างกันได้เร็วมากแค่ไหนเราก็จะยิ่งเดินหน้าได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น"
ตอนนี้ยังมีแพลนเรื่องหย่าอยู่ไหม ?
"อย่างที่เคยบอกครับตอนนี้ต่างคนต่างก็ค่อนข้างยุ่ง แต่เราก็คุยกันอยู่ว่าจะอะไรยังไงเมื่อไหร่ เพียงแค่ตอนนี้เราอยากโฟกัสเพื่อลูกก่อน"
ได้มีการตกลงยังไงบ้างเรื่องการเจอลูก ?
"ก่อนหน้านี้นานๆ เราจะเจอกัน แต่มีอยู่วันหนึ่งที่ผมเองก็พยายามจะคุยกับพลอย บวกกับเราสองคนต่างก็เลยใจเย็นกันมากขึ้น มันก็เลยทำให้เราได้คุยกันว่าปัญหาที่มีอยู่ทั้งหมดคุยให้จบในวันนี้เลยดีกว่า จากนี้ไปเราจะได้ไม่ต้องทะเลาะกันอีก เพราะเราจะได้กลับมามีเวลาโฟกัสที่ลูก ซึ่งหลังจากนั้นเราก็พยายามทั้งคู่ที่จะเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นและหลายๆ อย่างมันก็เริ่มดีขึ้นตามมาเรื่อยๆ และพักหลังๆ พลอยเขาค่อนข้างเหนื่อยผมก็เลยอาสาเข้าไปช่วยเลี้ยงลูกให้ อย่างช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาพี่เลี้ยงของเด็กๆ เขาลากลับบ้าน ผมก็เลยขอเข้าไปเลี้ยงลูกแทนซึ่งพลอยเขาก็โอเค คือตอนนี้ผมคิดว่าต่างคนก็ต่างน่าจะรู้สึกเหมือนกันว่าเราอยู่ด้วยได้ และทำหน้าที่ของพ่อและแม่ให้ดีที่สุด"
แสดงว่าตอนนี้เรากับพลอยก็กลับมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว ?
"ผมอยากให้เป็นอย่างนั้นครับ ถึงเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่เราก็คิดว่าเราจะทำหน้าที่พ่อกับแม่ให้ดี ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับลูก"
ตอนนี้ยังมีแพลนเรื่องขายบ้านอยู่ไหม ?
"ตอนแรกผมก็คิดว่าจะขายบ้านครับ แต่ด้วยช่วงนี้พอมีงานเข้ามามากขึ้น ก็เลยคิดว่าจะเก็บบ้านนี้ไว้ให้ลูกดีกว่า แต่บ้านหลังนี้ผ่อนเดือนหนึ่งก็เป็นหลักแสนนะครับ ค่าใช้จ่ายก็เยอะพอสมควร ผมกับพลอยก็เลยยังคุยๆ กันอยู่ถึงเรื่องนี้ บ้านก็ยังเป็นชื่อผมครับ"
พอมีคลิปและภาพคู่ของเรากับครอบครัวออกมา หลายคนก็บอกว่าอยากให้มีภาพแบบนี้อีกบ่อยๆ ?
"ผมคิดว่าผมกับพลอยน่าจะยังคุยกันได้นะ ผมดีใจมากที่ตอนนี้เราคุยกันแบบใจเย็น คุยกันแบบมีเหตุผล ค่อยๆ คุยกัน แถมตอนนี้ผมยังมีโอกาสได้เข้าไปหาลูกเรื่อยๆ ด้วยครับ"
ช่วงที่้เราห่างจากลูกไป พอได้กลับมาเจอเขาอีกครั้งลูกๆ มีท่าทียังไงบ้าง ?
"คิดถึงมากเป็นพิเศษเลยครับ กระโดดกอด ขี่คอ (ยิ้ม) ส่วนตัวผมเองก็น้ำตาจะไหล ผมคิดว่าคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ต้องเข้าใจความรู้สึกนี้ครับ"
ช่วงที่เราหายไปตอนนั้นเราคิดอะไรอยู่ ?
"มันก็กดดันนะครับ เพราะลูกๆ โตกันเร็วมาก ความผูกพันที่มีต่อลูกมันพิเศษ ไม่ว่าจะได้เจอหรือไม่เราก็คิดถึงกันตลอด ช่วงที่ิตัดสินใจออกจากบ้านมันยากมาก แต่มันก็ทำให้ผมได้มีเวลาทบทวนอะไรหลายๆ อย่าง และก็ยอมรับว่าตอนนั้นผมมีความติสก์สูงมาก ซึ่งตอนนี้ก็ยังมีอยู่ แต่แค่พยายามคิดอะไรให้มันกว้างมากขึ้น"
พอได้ทลายกำแพงนี้ไปมันทำให้เราสบายใจมากขึ้นไหม ?
"มันเหมือนเรายอมรับอะไรหลายๆ อย่างได้ ตัวเราก็เลยสามารถข้ามปัญหานั้นๆ ได้ ซึ่งปัญหาแต่ละเรื่องมันก็ใช้เวลาไม่เท่ากัน"
ถ้าย้อนกลับไปได้เราอยากจะแก้ไขอะไรไหม ?
"การที่คนเป็นสามีภรรยาต้องแยดจากกันมันเป็นเรื่องน่าเสียดายและน่าเสียใจมากครับ ถ้าย้อนกลับไปมันอาจเป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ถ้ามันเลี่ยงปัญหาที่เกิดขึ้นได้จริงๆ เราสองคนก็เปรียบเหมือนลิ้นกับฟันล่ะครับ"
ถามถึงเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านเราสองคนจัดการกันยังไงบ้าง ?
"ไม่ได้คุยกันเป็นกิจลักษณะว่าต่อเดือนต้องให้เท่าไหร่ ถ้าเดือนไหนมีเยอะผมก็ให้เยอะ เดือนไหนมีน้อยผมก็ให้น้อย"
ตอนนี้เรามีรักใหม่แล้วหรือยัง ?
"ผมคิดว่าตอนนี้รักแค่ลูกก็พอแล้วแหละ ผมคิดว่าอาจจะเปลี่ยนไปชอบผู้ชาย (หัวเราะ)"
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ