ผบช.ภ 5 ยันผิดก็ผิด ปมฉาวตำรวจเปิดซ่องค้ากามเด็กแม่ฮ่องสอน
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ยืนยันเอาผิดโทษสูงสุดข้าราชการตำรวจทุกนายที่เข้าไปมีส่วนพัวพันคดีค้ากามเด็กที่แม่ฮ่องสอน พร้อมให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่ายไม่เข้าข้างลูกน้องแน่นอน ระบุไม่ได้รับความร่วมมือจากแม่และผู้เสียหายด้านข้อมูล ส่วนดาบยุทธถูกย้ายนายแล้ว
(23 เม.ย.) จากการณีที่ นางน้ำเพชร อายุ 43 ปี ได้เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชน กรณีลูกสาวถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.น้ำเพียงดิน จ.แม่ฮ่องสอน บังคับให้ค้าประเวณีให้กับผู้ใหญ่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เคยร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และ ตำรวจภูธรภาค 5 แต่เรื่องไม่คืบหน้า อ้างว่าเด็กเข้าใจผิดเอง และยังถูกข่มขู่ตามมา แม้ตัดสินใจเข้าร้องเรียนต่อ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ผ่านมา 6 เดือนแล้ว ก็ยังเงียบ
กระทั่งล่าสุดหลังจากที่ตกเป็นข่าวพบว่าทางตำรวจพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้มีกาชี้แจงออกมาว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนดำเนินคดีอยู่ คดีนี้พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายและพยานเพิ่มเติมมาโดยตลอด รวมถึงประเด็นที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย พร้อมทั้งส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมให้กับพนักงานอัยการแล้ว คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานอัยการ
ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับคดีนี้ อยู่ระหว่างตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้นได้มีการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดทำคดีนี้ออกนอกพื้นที่เพื่อไม่ให้เกี่ยวข้อง หรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานในคดีนี้ และขณะนี้ ผู้เสียหายและมารดาของผู้เสียหาย ได้เข้าสู่ระบบคุ้มครองพยาน ของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพฯ แล้ว ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2560
ล่าสุด พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ในฐานะผู้บังคับบัญชา เปิดเผยกับทางสื่อมวลชนในเรื่องนี้ว่า แม่ของผู้เสียหายนั้นมีความคุ้นเคยกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เป็นอย่างดีหรือเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่ให้ข้อมูลกับทางตำรวจ และ ปปส.ในเรื่องของยาเสพติด
แต่มาวันหนึ่งไปเห็นภาพลูกสาวในกลุ่มผู้ค้าประเวณี ซึ่งตอนนี้ลูกสาว อายุ 19 ปีแล้ว ไม่ใช่อายุ 15-16 ปี ตามที่เป็นข่าว จึงได้แจ้งเรื่องกับทางตำรวจท้องที่ ซึ่งตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2559 ก็มีการทำคดีนี้ทั้งมีการล่อซื้อกับแม่เล้าที่ชื่อว่า เมย์ และพวกรวม 2 คน ซึ่งเป็นแม่เล้าในข้อหาเป็นธุระจัดหาค้าประเวณี จนกระทั่งมีการดำเนินคดีและส่งฟ้องแล้ว
นอกจากนี้แล้วยังมีการขายผลและสอบสวนเพิ่มเติม รวมทั้งเรื่องของ ดาบยุทธ ที่ถูกพาดพิงว่ามีส่วนในเรื่องของขบวนการค้าประเวณีและได้สั่งย้ายไปช่วยราชการที่ จ.แพร่ เมื่อหลายเดือนก่อนด้วย แต่ยังอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐาน
ทั้งนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งว 2 ฝ่ายด้วย ขณะเดียวกันก็ได้มีการย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดที่ทำคดีออกนอกพื้นที่เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ในช่วงของการสอบสวนเพิ่มเติมในเรื่องนี้ เบื้องต้นมีตำรวจเพียงนายเดียวที่เข้าไปมีส่วนในคดี ตอนนี้ต้องพออัยการพิจารณาคดีอยู่
อย่างไรก็ตามทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ยอมรับว่า ทางฝั่งผู้เสียหายไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับตำรวจในพื้นที่ เช่นการสอบปากคำกว่าจะเข้าให้ปากคำได้ทั้งแม่และลูกผู้เสียหาย ทำให้เรื่องผ่านมาหลายเดือน จนกระทั่งวันที่ 25 มี.ค. ถึงจะได้สอบปากคำ แต่กลับพบว่ามีการเข้าไปร้องทางศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ แทนที่จะเข้าให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดี
ยืนยันว่าทางตำรวจดำเนินคดีไปอย่างตรงไปตรงมา แต่อาจจะช้าตามขั้นตอนเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้มีการละเลย วอนผู้เสียหาเข้าให้ข้อมูลและเบาะแสตามที่มีการอ้างผ่านทางสื่อ ทั้งเรื่องของตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้อง กรณีคลิปเสียงที่อ้างว่ามีการพาเข้าเซฟเฮ้าส์ตำรวจบังคับข่มขู่ หรือเรื่องที่มีการอ้างว่ามีผู้ติดต่อปิดคดีให้เงินหลักล้านในการยุติการดำเนิคดีนั้น ก็ขอให้นำหลักฐานเข้ามอบให้กับทางตำรวจดำเนินคดี รวมทั้งเรื่องที่ว่ามีข้าราชการและหัวหน้าหน่วยรวมทั้งบุคคลมีชื่อเสียงในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนในการซื้อบริการ หากได้ข้อมูลหลักฐานตำรวจก็พร้อมจะดำเนินคดี
ส่วนเรื่องของการที่ตำรวจปกป้องพวกเดียวกันเองตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้างผ่านสื่อ รวมทั้งเรื่องของที่ว่าเป็นขบวนการค้าประเวณีโดยกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจเองนั้น แม้แต่เรื่องการใช้รถสายตรวจเป็นรถที่นำเด้กไปค้าประเวณีนั้น จากการสอบสวนแล้วยืนยันว่าไม่มีข้อมูลความจริงตามที่เป็นข่าว
ซึ่งทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนทุกกอย่างโดยไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หากผิดก็ต้องว่าผิด และพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย