ปคม.เปิดผังข้าราชการพัวพันค้าประเวณีเด็กแม่ฮ่องสอน
คดีค้าประเวณีในจังหวัดแม่ฮ่องสอนไม่ใช่คดีใหม่ เพราะผู้เสียหายเคยเข้าแจ้งความดำเนินคดีตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่เพราะ ผู้ถูกกล่าวหา คือ ตำรวจ ทำให้ผู้เสียหายไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรม พร้อมทั้งมองว่า ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา การดำเนินคดีไม่คืบหน้า แม้จะเดินหน้าติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด และนั่นทำให้จากเดิมที่พบว่าขบวนการนี้มีตำรวจเป็นผู้ดำเนินการเพียงคนเดียว ก็กลายเป็น พบข้อมูลว่า มีข้าราชการระดับสูงจำนวนมาก ซื้อประเวณีผ่านขบวนการนี้
(24 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีค้าประเวณีในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เริ่มปรากฎเป็นข่าวตั้งแต่ พฤศจิกายน 2559 โดยนางหญิงสาวรายหนึ่งพาลูกสาวเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน ว่า ถูกดาบตำรวจคนหนึ่ง และเครือข่ายรวมกันหลอกล่อให้ค้าประเวณี ตำรวจดำเนินคดีกับแม่เล้า 2 คน ที่อยู่ในเครือข่ายนี้ แต่ไม่สามารถขยายผลไปถึงดาบตำรวจคนดังกล่าวได้ และต่อมา เดือน ม.ค.60 แม่ของผู้เสียหายก็นำลูกสาวเข้าร้องทุกข์ที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ ปคม. โดยอ้างว่าถูกข่มขู่จากดาบตำรวจ และมองว่าคดีนี้คู่กรณีเป็นตำรวจ จึงกังวลว่าอาจไม่ได้รับความเป็นธรรม
ทั้งนี้ ตามขั้นตอนคดีนี้อยู่ในความดูแลของสภ.เมืองแม่ฮ่องสอน โดยมีข้อมูลของปคม.แนบท้ายสำนวนไปด้วย ขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างการรออัยการพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ ขณะที่ดาบตำรวจที่ถูกกล่าวหา ถูกสั่งย้ายไปปฎิบัติราชการที่จังหวัดแพร่ พร้อมถูกตั้งคณะกรรมการสอบ
อย่างไรก็ตาม จากนั้นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แม่ของผู้เสียหาย พาเด็กสาวอีก 2 คน เข้าร้องทุกข์อีกครั้ง ที่ปคม. โดยอ้างว่าเด็ก2คนนี้รู้จักกับลูกสาวของตนในช่วงที่ถูกบังคับให้ค้าประเวณี และทั้ง 2 มีความประสงค์จะแจ้งความดำเนินคดีกับดาบตำรวจคนเดียวกัน ในข้อหาค้าประเวณี ซึ่งในคดีนี้ ปคม.รับดำเนินคดีเพื่อขยายผลขบวนการดังกล่าว
สำหรับคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของปคม. พ.ต.อ.มานะ กลีบสัตบุศย์ รองผู้บังคับการกองปราบปรามการค้ามนุษย์ เปิดเผยผลการสืบสวนสอบสวนในเบื้องต้น พบว่า เด็กสาวทั้ง 2 คนที่ถูกพามาแจ้งความในภายหลัง ถูกบังคับให้ค้าประเวณี มานาน 3-4 ปี โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปี 56
ขณะที่ คำให้การ 1 ในเด็กสาว 2 คน ระบุชัดเจน ว่า ดาบตำรวจที่ถูกกล่าวหาเป็นหัวหน้าขบวนการ และมีแม่เล้าอย่างน้อย 5 คน คอยจัดหาเด็กส่งให้กับผู้ซื้อบริการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าราชการระดับสูงทางภาคเหนือ จากข้อมูลที่ปคม.มีตอนนี้พบว่า มีข้าราชการครูในจังหวัดแม่ฮ่องสอน 1 คน โดยตำรวจยศร้อยตำรวจโท สังกัดสภ.เมืองแม่ฮ่องสอน 1 นาย และ ตำรวจยศพันตำรวจโท ในท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมตอนนี้ปคม.พบว่ามีผู้เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้อย่างน้อย 9 คน เป็นประชาชน 5 คน และข้าราชการ 4 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพราะมีข้อมูลว่า ขบวนการนี้อาจมีผู้เกี่ยวข้องมากกว่า 20 คน ส่วนกลุ่มผู้ซื้อบริการ ตอนนี้อยู่ระหว่างการขยายผลเพิ่มเติม เพราะพบข้อมูลว่าอาจมีเจ้าหน้าที่ทางหลวงเคยซื้อบริการเช่นเดียวกัน แต่ทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริงที่มาจากการให้ปากคำของฝ่ายผู้เสียหายเท่านั้น
นอกจากนี้ ความยากของการสืบหาข้อมูลในคดีนี้ พ.ต.อ.มานะ ยอมรับว่า ยากกว่าคดีอื่น เนื่องจาก เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2556-2557 การรวบรวมหลักฐานโดยเฉพาะ จึงอาจทำได้ยาก นอกจากนี้ยังพบว่า สถานที่นัดแนะซื้อขายบริการยังไม่จำกัดเฉพาะโรงแรมที่พักในเมืองแม่ฮ่องสอน แต่ยังรวมถึงบ้านพักข้าราชการ
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 25 เม.ย.นี้ ปคม.เตรียมส่งชุดสืบสวนสอบสวน ลงพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อสอบปากคำกลุ่มผู้เสียหายเพิ่มเติม จากนั้นเจาะตรวจหาพยาน ตามโรงแรม และ บ้านพักข้าราชการในพื้นที่ โดยคาดหวังว่าจะพบพยานที่เคยเห็นเหตุการณ์ และสามารถขยายข้อมูลเครือข่ายนี้ได้มากขึ้น ขณะที่การตรวจหาหลักฐาน เจ้าหน้าที่ยอมรับว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นมานานกว่า 2 ปี หลักฐานโดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิดน่าจะไม่หลงเหลืออยู่แล้ว แต่ก็จะให้ชุดเก็บหลักฐานทำงานควบคู่กันไปด้วย
ส่วนอีกหนึ่งข้อมูลที่แม่ผู้เสียหายกล่าวอ้างและ ที่ได้รับความสนใจจากทั้งตำรวจและประชาชน คือ การเปิดเผยว่า ถูกข่มขู่จากขบวนการค้าประเวณีมาโดยตลอด และการอ้างว่าถูกเสนอเงินจำนวน 1 ล้านบาทให้ เพื่อล้มคดี พ.ต.อ.มานะ กลีบสัตบุศย์ รองผู้บังคับการกองปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ ปคม. ระบุว่า ยังไม่พบข้อมูลเรื่องนี้เพิ่มเติมนอกจากคำกล่าวอ้างจากแม่ของผู้เสียหาย
ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าจะไม่มีการปกป้องตำรวจด้วยกันเองแน่นอน หากพบว่ามีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้าประเวณีจะต้องดำเนินคดีตามขั้นตอน
สำหรับแนวทางการทำคดีของตำรวจแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ การรวบรวมพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงกับคดี ซึ่งหากพบว่ามีความผิดจริง จะออกหมายจับตามขั้นตอน กับการสอบสวนทางวินัยตำรวจ ซึ่งเบื้องต้นได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามขั้นตอน และสั่งย้ายนายดาบตำรวจคนดังกล่าวออกจากพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน