สั่งปรับ 500 หนุ่มเรือเที่ยว ยอมรับจับปลาดาวขึ้นมาให้ถ่ายรูป
หนุ่มประจำเรือนำเที่ยวยอมรับผิด จนท.อุทยานสั่งปรับ 500 บาท ยืนยันจับปลาดาวและปลิงทะเลมาถ่ายภาพ 2-3 นาทีเท่านั้น ปล่อยกลับลงสู่ทะเล
(5 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง นายอนุเชษฐ์ สงฆ์นวล หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ฯ ที่ 3 เกาะกระดาน อ.กันตัง จ.ตรัง นำตัว นายเอกวัฒน์ อายุ 35 ปี มารับทราบข้อหากระทำผิดพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ที่ห้ามมิให้บุคคลใดนำสัตว์ออกไปหรือทำประการใดๆ ให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ หลังจากที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม
สืบทราบว่านายเอกวัฒน์ เป็นคนนำปลาดาวและปลิงทะเลมาให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพ และเป็นคนแนะนำให้วางบนศีรษะเพื่อจะได้มีสีสัน ก่อนที่จะเป็นคนถ่ายภาพให้ จากนั้นจึงนำปลาดาวและปลิงปล่อยคืนสู่ทะเล ต่อมามีผู้ใช้เฟซบุ๊คได้นำภาพดังกล่าวไปโพสต์ โดยมีปลิงทะเลและปลาดาวรวม 4 ตัว อยู่ด้านหลัง เหตุเกิดที่เกาะมุกด์ อ.กันตัง จ .ตรัง เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้ใช้ความพยายามในการตามหาเจ้าของเรือจากภาพดังกล่าวที่เห็นบนเฟซบุ๊ค เนื่องจากปลาดาวทะเลสีส้มหัวสีดำนั้นจะพบมากเฉพาะบริเวณเกาะมุกด์ท่านั้น โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาตามหาตั้งแต่ช่วงสายวันนี้ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็พบว่าเป็นเรือโชควิมล ทัวร์ และสืบทราบต่อมาว่า นายเอกวัฒน์ เป็นลูกจ้างประจำเรือลำดังกล่าวในวันเกิดเหตุ
นายเอกวัฒน์ ให้การรับสารภาพว่าทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และไม่ได้ทำให้ปลาดาวหรือปลิงทะเลตายแต่อย่างใด เพราะเมื่อถ่ายภาพให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนั้น ซึ่งทราบว่าเดินทางมาจาก จ.ราชบุรี จำนวน 4-5 คน ก็ได้ปล่อยกลับสู่ทะเลทันทีโดยใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที และปลาดาวก็ยังไม่ตาย
เจ้าหน้าที่เห็นว่าเป็นความเสียหายเล็กน้อยจึงเปรียบเทียบปรับเป็นเงินจำนวน 500 บาท นายเอกวัฒน์ ได้ยกมือไหว้ขอโทษประชาชนและเจ้าหน้าที่ ซึ่งบทเรียนครั้งนี้ตนจะจดจำไปจนวันตายและขอให้นักท่องเที่ยวอย่าได้กระทำแบบเดียวกับตนอีก โดยยอมรับว่าเป็นคนนำปลาดาวขึ้นมาจากทะเลขณะที่น้ำลงและให้นักท่องเที่ยวซึ่งไม่รู้จักชื่อนามสกุลวางบนศีรษะ เพื่อถ่ายภาพแล้วจะได้เกิดความสวยงามสมจริง และเพื่อประชาสัมพันธ์ให้รู้ว่าท้องทะเลตรังมีทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม
ซึ่งหลังจากนั้นทราบว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนั้นได้เดินทางต่อไปยังอ่าวนาง จ.กระบี่ และมีการโพสต์ภาพลงเฟซบุ๊คในภายหลัง ซึ่งตนยอมรับผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันไม่มีเจตนา แต่กระทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถติดต่อเจ้าของเฟซบุ๊คได้ แต่อยากให้ผู้หญิงในภาพออกมาแสดงตัว เนื่องจากมีความผิดฐานร่วมกันกระทำความผิด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องติดตามเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีในข้อหาเดียวกัน