รอดแล้ว แม่ค้าหอยทอดเจอฟ้อง 14 ล้าน แค่ชื่อ-นามสกุลซ้ำกัน

รอดแล้ว แม่ค้าหอยทอดเจอฟ้อง 14 ล้าน แค่ชื่อ-นามสกุลซ้ำกัน

รอดแล้ว แม่ค้าหอยทอดเจอฟ้อง 14 ล้าน แค่ชื่อ-นามสกุลซ้ำกัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(12 พ.ค. 60) จากกรณีที่มีแม่ค้าขายหอยทอดวัย 50 ปี ชาวตำบลขุนพิทักษ์ อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนเพื่อขอความเป็นธรรม ในกรณีที่ตนเองต้องตกเป็นจำเลยในคดีฐานความผิดสัญญาซื้อขาย เรียกใช้หนี้ มูลค่ากว่า 14 ล้านบาท จากบริษัทเอกชนรายหนึ่งในกรุงเทพมหานคร

โดยที่ตัวเองยืนยันความบริสุทธิ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเรียนจบแค่ชั้น ป.6 จะเป็นถึงกรรมการใหญ่ภายในบริษัทคู่กรณีได้อย่างไร แถมตนเองยังต้องเช่าที่ดินเพื่อปลูกบ้านแค่พอพักอาศัย มีรายได้ที่ไม่แน่นอน บางวันขายได้เพียง 400-500 บาท ทั้งทุนและกำไร จนทำให้เกิดความเครียดอย่างหนักจนทำให้สุขภาพจิตเสีย เพราะต้องหาเงินไปชดใช้หนี้กว่า 14 ล้านบาท ซึ่งก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหน และยืนยันว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้จักบริษัทนี้

หลังจากที่ข่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างวงกว้างทำให้วันนี้มีหลายหน่วยงานได้ยื่นมือเข้ามาเพื่อให้คำแนะนำและช่วยเหลือ โดยเช้าวานนี้ (11 พ.ค.60) นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี พร้อมด้วย นายคันฉัตร ตันเสถียร ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม หลังทราบข่าวได้ประสานมอบหมายไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้การช่วยเหลือตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน

นายวิฑูร สุขพูล พาณิชย์จังหวัดราชบุรี กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลของการจดทะเบียนบริษัทเอกชนดังกล่าวแล้วพบว่า เป็นข้อมูลที่ถูกต้องมีการจดทะเบียนเป็นไปอย่างกฎหมาย ส่วนกรณีที่มีชื่อและนามสกุลตรงกันนั้น จากการตรวจสอบแล้ว พบว่า แม่ค้าขายหอยทอด ชื่อนางสาวกรรณิกา ธนิกกุล อายุ 50 ปี ส่วนบุคคลที่จดทะเบียนชื่อ นางกรรณิกา ธนิกกุล อายุ 43 ปี และจากการตรวจสอบ หมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ของทั้งสองคนไม่ตรงกัน จึงยืนยันได้ว่า แม่ค้าขายหอยทอดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนบริษัทดังกล่าวแต่อย่างไร

ด้านสำนักทะเบียนราษฎร์ อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ได้ทำการตรวจสอบ ประวัติและบุคคลจากสำนักทะเบียนราษฎร์ พบว่าทั่วประเทศมีบุคคลที่ชื่อ กรรณิกา ธนิกกุล ซ้ำกันสองคนจริง แต่หมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ไม่ตรงกัน รวมไปถึงรูปถ่ายและ คำนำหน้านาม ที่ใช้นางสาว และ นาง ด้วย แต่จากการที่ในคำฟ้องระบุชื่อเป็นของแม่ค้าหอยทอด น่าจะเป็นการทำงานผิดพลาด ส่วนประเด็นเรื่องการสวมบัตรประชาชนหลายคนตั้งคำถามไว้ เรื่องนี้คงไม่ใช่ ทั้งนี้ต้องให้ทางสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน ช่วยเหลือทางด้านกฎหมายต่อไป

ด้านนายสราวุธ เอกพินิจสถิตย์ นิติกรชำนาญการ สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและบังคับคดี จังหวัดราชบุรี กล่าวว่า จากการที่มีการกล่าวอ้างถึงสำนักงานเขตบางขุนเทียนว่ามีการค้นประวัติอย่างผิดพลาด จึงได้โทรศัพท์ติดต่อขอทราบรายละเอียดที่แท้จริง คือน่าจะเกิดจากความผิดพลาดทั้งทางฝ่ายทนายและฝ่ายทะเบียนราษฎร์ ทราบว่าในวันดังกล่าวทางทนายได้ส่งเสมียนทนายเข้าตรวจสอบและขอคัดสำเนาบัตรประชาชน ซึ่งทางเสมียนทนายคนดังกล่าว ไม่ได้ระบุคำนำหน้านาม อาทิ นาง หรือ นางสาว ได้แต่เพียงเขียนชื่อและนามสกุลไปเท่านั้น ทำให้เจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนได้ค้นหาอย่างเร่งด่วน ซึ่งทางทนายความได้นำชื่อดังกล่าวฟ้องทันที และศาลได้มีหมายศาลสั่งฟ้องส่งให้กึงนางสาวกรรณิกาและพวกตามที่ปรากฏเป็นข่าว

ทั้งนี้ทางสำนักทะเบียนท้องถิ่นเขตบางขุนเทียนได้กราบขออภัยเป็นอย่างสูงต่อคุณกรรณิกา ผู้เสียหาย พร้อมทั้งบอกว่าทางฝ่ายทนายไม่ได้ผิด แต่ผิดที่ทางสำนักทะเบียนเอง

ด้านนางสาวกรรณิกา ธนิกกุล แม่ค้าขายหอยทอด เล่าว่า หลังจากที่ได้เดินเรื่องพิสูจน์ข้อเท็จจริง จนสามารถพิสูจน์ให้ตนเองได้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าว ฝากขอบคุณสื่อมวลชนที่ช่วยนำเสนอข่าวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ช่วยเหลือมา ในส่วนของการเรียกร้องค่าเสียหายเบื้องต้นได้พุดคุยกันในครอบครัว เบื้องต้นเตรียมเรียกร้องไว้จำนวน 50,000 บาท ซึ่งเป็นค่ารถ ค่าเดินทาง ค่าเอกสารต่างๆ รวมไปถึงทำให้เกิดความเสื่อมเสียอับอาย และไม่ได้ทำมาหากินด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook