สอบกรุสมบัติ10ล.เจ๊ดาวไม่คืบ แฉญาติทักษิณเคยเข้าต่อชะตา

สอบกรุสมบัติ10ล.เจ๊ดาวไม่คืบ แฉญาติทักษิณเคยเข้าต่อชะตา

สอบกรุสมบัติ10ล.เจ๊ดาวไม่คืบ แฉญาติทักษิณเคยเข้าต่อชะตา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สอบขุมทรัพย์ เจ๊ดาว อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง ไม่คืบ สำนักพุทธฯ ยันรอแต่งตั้งเจ้าอาวาสรูปใหม่ เผยกรุสมบัติกว่า 10 ล้าน แฉบิ๊กจิ๋ว-ญาติแม้วเคยเข้าวัดกะเทยทำพิธีสืบชะตา-สะเดาะเคราะห์ ขณะที่ผู้ว่าฯ ลำพูน ชี้พระฉาวสึกเป็นจุดเปลี่ยนที่ดีศาสศาสนา

แม้ว่าอดีตพระครูวิจิตรสรการ หรือ "เจ๊ดาว" อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง ต.ในเวียง อ.เมือง จ.ลำพูน ลาสิกขาไปแล้ว ล่าสุดพระราชปัญญาโมฬี รองเจ้าคณะจังหวัดลำพูน กล่าวยอมรับว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นยังคงสร้างความไม่สบายใจให้แก่พระผู้ใหญ่ในคณะสงฆ์จังหวัดลำพูนเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากกรณีของ อดีตพระครูวิจิตรสรการแล้ว ยังมีข้อมูลว่ายังมีพระอีกหลายรูปที่มีพฤติการณ์เบี่ยงเบนทางเพศจนอาจสร้างความมัวหมองให้แก่พุทธศาสนาได้

ทั้งนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้น นอกจากผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนจะสั่งจัดระเบียบ โดยตั้งคณะกรรรมการขึ้นมาติดตามแล้ว ในส่วนของคณะสงฆ์จะกวดขันกันเองอีกทางหนึ่ง และจะกำชับไปยังเจ้าอาวาส พระระดับปกครองให้ร่วมกันสอดส่องภิกษุสามเณร หากพบว่ามีพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสมและไม่ยอมปรับปรุงตัวจะดำเนินการให้สึกทันที


นายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวว่า ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ นี้ เตรียมแถลงข่าวชี้แจงเรื่องราวทั้งหมดให้ชาวลำพูนทราบข้อเท็จจริง และความคืบหน้าของมาตรการจัดระเบียบสงฆ์ รวมทั้งการตั้งคณะกรรมการติดตามพฤติกรรมพระเณร โดยหวังว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนที่ดีให้แก่พุทธศาสนาทั่วประเทศ

ด้านนายสุรชัย ขยัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำพูน (ผอ.พศจ.ลำพูน) กล่าวถึงการดำเนินการทางกฎหมายกับอดีตพระครูวิจิตรสรการว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ตรวจสอบบัญชีของวัด ทำให้ระบุไม่ได้ว่ามีการนำเงินของวัดไปใช้ส่วนตัวหรือไม่ ส่วนทรัพย์สินที่ถูกขนออกไปจากวัด ก็ยังตรวจสอบไม่ได้ว่าเป็นสมบัติของวัดหรือส่วนตัว ต้องรอให้มีการแต่งตั้งเจ้าอาวาสรูปใหม่เข้าไปตรวจสอบ และหากพบว่าผิดปกติคณะสงฆ์จังหวัดจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะดำเนินคดีหรือไม่

ส่วนนายสรสิทธิ์ นวลศรี กรรมการด้านวัฒนธรรมชุมชนศรีบุญเรือง อ.เมือง จ.ลำพูน กล่าวว่า ได้รับการยืนยันจากผู้ใกล้ชิดอดีตพระครูวิจิตรสรการว่า แม้จะพ้นจากการเป็นพระแต่อดีตพระครูยืนยันจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในโครงการบูรณะซ่อมแซมวิหารตามส่วนที่มอบหมายไปก่อนหน้านี้ ส่วนเรื่องเงินเข้าวัดในช่วงที่ผ่านมา คงไม่มีใครติดใจ เพราะที่ผ่านมาอดีตพระครูนำเงินที่ได้จากการทำบุญทำนุบำรุงวัดอย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่วัดศรีบุญเรืองยังคงเงียบเหงา ส่วนกลุ่มนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคที่เคยเข้าออกวัดเป็นประจำไม่มีใครมาเลย มีเพียงแต่ช่างจำนวนหนึ่งที่เข้าไปบูรณะซ่อมแซมวิหาร ขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ระบุตรงกันว่า ต้องการให้เจ้าอาวาสรูปใหม่เข้ามาดูแลโดยเร็ว เพราะไม่อยากให้วัดถูกทิ้งร้างนานเกินไป

ทั้งนี้ วัดศรีบุญเรือง เป็นวัดหนึ่งใน จ.ลำพูน ที่ประชาชนให้ความศรัทธาเป็นอย่างมาก เนื่องจากอดีตพระครูวิจิตรสรการ เป็นพระนักเทศน์ชื่อดัง ทั้งยังขึ้นชื่อว่าดูดวงแม่น และรับประกอบพิธีสำคัญทั้งบายศรีสู่ขวัญ สืบชะตา สะเดาะเคราะห์ ตามความเชื่อของชาวเหนือ ที่ผ่านมานักการเมืองระดับชาติ เช่น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เครือญาติ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนักการเมือง ข้าราชการระดับสูงอีกหลายราย แวะเวียนมาทำบุญและประกอบพิธีต่างๆ เป็นประจำ ซึ่งในแต่ละครั้งจะมีเงินเข้าวัดนับแสนบาท โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าเงินเหล่านี้อาจตกไปอยู่ในมือของ อดีตพระครูวิจิตรสรการ คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนเกรงว่าอดีตพระครูจะหอบเงินหนีไปต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการแต่งตั้งเจ้าอาวาสรูปใหม่มาตรวจสอบ แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนยอมรับว่า คงจะตรวจสอบได้ยาก เพราะว่าที่วัดมีเจ้าอาวาส พระลูกวัด และสามเณร รวม 3 รูป และที่ผ่านมาวัดแห่งนี้ไม่เคยมีคณะกรรมการมาก่อนและยังไม่มีบัญชีรับจ่ายให้ตรวจสอบ

ส่วนกรณีที่พระลาสิกขาไปแล้ว สามารถนำเงิน ทรัพย์สิน สมบัติส่วนตัวที่มีผู้มีจิตศรัทธาติดตัวไปได้หรือไม่นั้น นายอำนาจ บัวศิริ ผอ.สำนักงานเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) กล่าวยืนยัน ทำได้ เพราะถือว่าญาติโยมทำบุญถวายปัจจัยด้วยความศรัทธาแก่พระรูปนั้น แต่ถ้าเป็นทรัพย์สินและเงินของวัด ที่มีผู้มีจิตศรัทธาถวายให้ในนามของวัด เช่น การทอดผ้าป่า ทอดกฐิน ไม่สามารถนำออกไปได้ ซึ่งตามปกติทรัพย์สินของวัดจะมีคณะกรรมการวัด เป็นผู้ดูแล และมีเอกสารหลักฐานแสดงไว้ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่มีใครสามารถนำไปใช้ในนามส่วนตัวได้ ยกเว้นว่ากรรมการวัดจะอนุญาต

"เงินทอง หรือทรัพย์สินส่วนตัวที่เป็นของพระ ถ้าหากว่าลาสิกขาแล้ว สามารถนำติดตัวไปได้ ยกเว้นส่วนที่เป็นของวัด ที่อยู่ภายใต้การดูแลของคณะกรรมการวัด ตรงนี้ไม่สามารถนำออกไปได้ รวมทั้งปัจจัยจากการทำบุญ ทั้งกฐิน ผ้าป่า และอื่นๆ จะต้องมีคณะกรรมการร่วมรับทราบ และมีการจัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย ขณะที่การเบิกจ่ายจะต้องอยู่ในความยินยอมของเจ้าอาวาส ไวยาวัจกร และคณะกรรมการอยู่แล้ว พระไม่สามารถนำไปใช้เป็นการส่วนตัวได้" นายอำนาจกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจาก "คม ชัด ลึก" ได้ติดตามพฤติการณ์พระอลัชชีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขณะนี้พระตุ๊ดเณรแต๋วที่เคยแสดงพฤติการณ์ในที่สาธารณะทั้งใน จ.เชียงใหม่ และลำพูน ลดน้อยลง โดยเฉพาะในงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-8 กุมภาพันธ์นี้ ที่ในแต่ละปีมักจะมีพระกะเทยพากันไปถ่ายรูป แต่ปีนี้กลับเก็บตัวเงียบ ขณะที่ร้านอาหารและสถานบันเทิงหลายแห่งต่างเพิ่มความระมัดระวังตรวจสอบลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการกันมากขึ้น เพราะไม่ต้องการเป็นผู้สนับสนุนพระกลุ่มนี้โดยไม่รู้ตัว

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook