แม่นักศึกษาม.แม่โจ้ร่ำไห้รับศพลูกสาวครวญยังทำใจไม่ได้

แม่นักศึกษาม.แม่โจ้ร่ำไห้รับศพลูกสาวครวญยังทำใจไม่ได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม่นักศึกษา ม.แม่โจ้ เหยื่อถูกรุมข่มขืนร่ำไห้รับศพลูกสาว ครวญยังทำใจไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมทำพิธีสวดถอนเชิญวิญญาณลูกสาวกลับบ้าน ระบุ ลูกเป็นความหวังคนเดียวในบ้านที่ได้เรียนปริญญาตรี ด้าน นศ.ม.แม่โจ้ นับพันแห่ล้อมหอพักดักรอหวังรุมประชาฑัณฑ์ผู้ต้องหา

ความคืบหน้ากรณี2คนร้ายรุมข่มขืนฆ่านส.วิไลรัตน์ กุจะพันธ์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ที่ 10 ต.เอรวัณ กิ่ง อ.เอรวัณ จ.เลย นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ สาขาการบัญชี ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ พบศพบนเตียงนอนภายในห้อง 405 ชั้นที่1ของหอพักชื่ออัญชลี เลขที่ 158 หมู่ที่ 9 ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ซึ่งอยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยแม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 8 ก.พ.5 ต่อมา เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมนายไชย หรือ จายบึก ไม่มีนามสกุล อายุ 22 ปี ชาวไทยใหญ่ สัญชาติพม่าคนงานก่อสร้างที่พักอยู่ในแคมป์คนงานด้านหลังหอพักที่เกิดเหตุ และอยู่ระหว่างขยายผลตามจับกุมเพื่อนคนงานชาวไทยใหญ่สัญชาติพม่า ที่อยู่คนละแคมป์ก่อสร้างอีกคนที่ชื่อนายนุ้ย ซึ่งยังหลบหนีอยู่นั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 9 ก.พ.ที่หอพักอัญชลีที่เกิดเหตุ บรรดาญาติของนางสาววิไลวรรณ ผู้ตาย คือ นายสุปัญญา กุจะพันธ์ อายุ 50 ปี และนางลำดวน กุจะพันธ์ อายุ 53 ปี บิดามารดาของผู้ตาย พร้อมญาติซึ่งมีทั้งพี่ชาย ยายและเพื่อนบ้านจาก จ.เลย รวมกว่า 10 คนได้เดินทางมารับศพของ น.ส.วิไลวรรณ ที่ จ.เชียงใหม่ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าโศก

โดยทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้นำรถของมหาวิทยาลัยคอยรับส่ง รวมทั้งได้รับพระสงฆ์ 4 รูปจาก 3 วัด ในเขต อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ มาร่วมประกอบพิธีสวดถอนเพื่อเชิญวิญญาณของผู้ตายกลับบ้าน ท่ามกลางเพื่อนนักศึกษาทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องที่เดินทางมารวมตัวกันที่หอพักอัญชลีไม่ต่ำกว่า 1,000 คน เพื่อให้กำลังใจญาติผู้ตายและเป้าหมายหลัก คือ มาดักรอเตรียมรุมประชาทัณฑ์นายไชย ผู้ต้องหา เพราะคิดว่าตำรวจจะนำตัวคนร้ายรายดังกล่าวมาทำแผนในที่เกิดเหตุ

นางลำดวน มารดาของผู้ตาย เปิดเผยว่า หลังทราบข่าวว่าลูกตายจึงได้พากันเดินทางมาที่จ.เชียงใหม่ โดยมาถึงตั้งแต่กลางดึกของวันที่ 8 ก.พ.และยังทำใจไม่ได้กับเรื่องร้ายที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าเรื่องดังกล่าวจะเกิดขึ้นกับบุตรสาวของตน เนื่องจากที่ผ่านมาบุตรสาวของตนเป็นเด็กดีตั้งใจเรียนไม่เคยนอกลู่ทาง ที่สำคัญทุกวันจะโทรศัพท์มาพูดคุยกับตนวันละไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง ในวันเกิดเหตุช่วงหัวค่ำก็เพิ่งโทรศัพท์มาพูดคุยกับตนในช่วงหัวค่ำเป็นเวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง ก่อนจะวางสายบอกว่าจะขอตัวไปอาบน้ำและเตรียมจะเข้านอนแต่ก็มาเกิดเหตุร้ายดังกล่าว

สำหรับครอบครัวของตนนั้นมีฐานะค่อนข้างยากจน ประกอบอาชีพทำสวนปลูกมันสำปะหลัง น.ส.วิไลวรรณ นั้นเป็นบุตรสาวคนที่สาม ซึ่งมีพี่ชายสอง ถือเป็นลูกคนเดียวของครอบครัวที่ได้เรียนสูงในระดับปริญญาตรี ก่อนหน้าจะเกิดเหตุบุตรสาวได้บอกกับแม่ไว้ว่าถ้าเรียนจบจะเป็นคนทำงานหาเลี้ยงครอบครัวให้อยู่สุขสบายแม่จะได้ไม่เหนื่อย แต่แล้วก็มาถูกคนร้ายฆ่าข่มขืนซึ่งตนยังไม่อยาจะเชื่อว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น หลังหารือกับคนในครอบครัวแล้วตัดสินใจจะนำศพลูกกลับบ้านที่จ.เลยเพื่อไปประกอบพิธีทางศาสนาโดยจะทำพิธีที่บ้าน

นางสาววรรณศา บุญพิมพ์ เพื่อนนักศึกษาคนสนิทของผู้ตาย กล่าวว่า ตนและผู้ตายเป็นเพื่อนร่วมเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษา จ.เลย ผู้ตายมีอุปนิสัยเป็นเด็กรักเรียน มีผลการเรียนระดับปานกลาง ที่ผ่านมาไม่เคยมีแฟนหรือแม้จะไปเที่ยวเตร่ก็ไม่มี ซึ่งเพื่อนในชั้นเรียนรู้กันดี ช่วงที่มาศึกษาต่อปริญญาตรีที่ม.แม่โจ้ตนก็เรียนสาขาวิชาเดียวกันและพักอยู่ที่หอพักเดียวกันแต่แยกกันเช่าอยู่คนละห้อง ผู้ตายเช่าอยู่ชั้น 1 ส่วนตนอยู่ชั้น 3 ซึ่งหอพักที่เกิดเหตุนี้ตนและผู้ตายเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ได้ไม่เกิน 1 สัปดาห์ ก่อนหน้านี้ได้เคยเช่าหอพักอยู่รวมกันกับเพื่อนรวม 3 คน

สำหรับสาเหตุที่ย้ายออกมาอยู่หอพักใหม่เพราะต้องการความเป็นส่วนตัว คือ ระหว่างที่ใครคนใดคนหนึ่งอ่านหนังสืออีกคนจะดูโทรทัศน์ ซึ่งเป็นการรบกวนการอ่านหนังสือซึ่งกัน นอกจากนี้ราคาค่าเช่ายังถูก คือ เดือนละประมาณ 1,200 บาท จึงได้พากันย้ายออกมาเช่าหอที่ใหม่ ความจริงมีกำหนดจะย้ายเข้ามาในเดือนมีนาคม แต่พอดีมีห้องว่างจึงได้ตัดสินใจพากันย้ายเข้ามาก่อนจนมาเกิดเรื่องดังกล่าว

ทั้งนี้ คืนเกิดเหตุนั้นตนพร้อมกับผู้ตายและเพื่อนนักศึกษาหญิงอีก 1 คนได้ซื้อกับข้าวมานั่งกินด้วยกันที่ห้องของผู้ตาย จากนั้นได้พากันแยกย้ายกลับ โดยผู้ตายได้นัดหมายกับเพื่อนอีกคนว่าพรุ่งนี้เช้าให้เดินทางมาปลุกผู้ตายที่ห้องในตอนเช้าเพื่อไปอ่านหนังสือด้วยกัน แต่เมื่อมาถึงก็พบว่าเพื่อนถูกฆ่าเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลสะเทือนใจต่อตนเองและนักศึกษาม.แม่โจ้เป็นอย่างมาก ตนตัดสินใจแล้วว่าจะย้ายออกไปอยู่ที่ใหม่เพราะรับไม่ได้กับเรื่องร้ายที่เกิดและยอมรับว่าเป็นห่วงในความปลอดภัยเพราะหอพักไม่มีระบบป้องกันความปลอดภัยที่ดีพอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่ญาติผู้ตายเดินทางมาทำพิธีสวดถอนที่ห้องผู้ตายนั้น ผู้ประกอบการเจ้าของหอพักที่คนร้ายทำงานอยู่ ชื่อนางกัลยา อภิชาติตรากุล หรือเจ๊จู ได้ส่งตัวแทนเดินทางมามอบเงินช่วยเหลือให้แม่ผู้ตายเบื้องต้นจำนวน 10,000 บาทและตัวแทนได้แจ้งว่าหลังจากนี้จะให้การช่วยเหลืออีก 40,000 บาท ส่วนผู้บริหารมหาวิทยาลัยแจ้งว่ามหาวิทยาลัยได้ทำเงินประกันไว้ให้นักศึกษาปีละ 200 บาทต่อราย กรณีของผู้ตายนั้นบริษัทประกันจะจ่ายเงินให้กรณีเสียชีวิตเป็นจำนวนเงิน 1.4 แสนบาท

ขณะที่เพื่อนนักศึกษาม.แม่โจ้ได้ทยอยกันเดินทางเข้ามาที่หอพักดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่จะจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการดูแลระบบความปลอดภัยของหอพักและกล่าวแสดงความไม่พอใจต่อกรณีของการที่ผู้ประกอบการหอพักเอกชนย่านมหาวิทยาลัยหลายแห่งมีการจ้างแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายมาทำงาน

นายอนันต์ ปัญญาวีร์ ผอ.สำนักงานอธิการบดี ม.แม่โจ้ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่กลุ่มนักศึกษาได้รวมตัวกันบุกไปปิดล้อมแคมป์ที่พักคนงานต่างด้าวที่คนร้ายพักอยู่ โดยยื่นข้อเรียกร้องกดดันผู้รับเหมาก่อสร้างว่าให้ย้ายแคมป์คนงานออกไปมิเช่นนั้นนักศึกษาจะบุกเข้าไปรื้อและเผาด้วยตัวเองหากไม่ย้ายออกมาเวลา 18.00 น.วันที่9 ก.พ.นั้น เรื่องดังกล่าวทางผู้บริหารของมหาวิทยาลัยได้มีการขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการหอพักและผู้รับเหมาแล้วตกลงที่จะรื้อบ้านพักคนงานต่างด้าวออกเบื้องต้น 3 หลัง และรับปากว่าหลังตำรวจพาตัวผู้ต้องหาเข้ามาทำแผนประกอบคำสารภาพแล้วเสร็จจะรื้อถอนแคมป์คนงานออกไปอีกรอบ ทำให้นักศึกษาพอใจในระดับหนึ่งและยินยอมที่จะไม่รวมตัวกันไปบุกไล่รื้อ

ทางด้านการแก้ปัญหาคนงานต่างด้าวในพื้นที่ระยะยาวหลังจากนี้มหาวิทยาลัยจะได้เชิญตัวแทนชมรมผู้ประกอบการหอพักเอกชนมาประชุมหารือร่วมกับทางเทบาลตำบลแม่โจ้ เพื่อกำหนดมาตรการดูแลความปลอดภัยของหอพักซึ่งปัจจุบันมีหอพักรอบมหาวิทยาลัยมากกว่า 300 แห่ง นักศึกษามีหมื่นกว่าคน กว่า 75 % พักอาศัยอยู่ที่หอนอกแทบทั้งสิ้น

ด้านความคืบหน้าของการดำเนินคดีนั้น พ.ต.อ.ภาณุเดช บุญเรือง รองผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ กล่าวว่า หลังจับกุมคนร้ายรายแรก คือ นายไชย ไว้ได้นำตัวไปฝากขังที่ สภ.สันทราย เบื้องต้นให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ผู้ต้องหายังได้ให้การซัดทอดว่ามีผู้ร่วมก่อเหตุอีกราย คือ นายนุ้ย เพื่อนคนงานชาวไทยใหญ่ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหลบหนี เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวเพื่อนคนงานและพยานแวดล้อม 2 รายมาสอบปากคำเพื่อหาเบาะแสของคนร้ายรายนี้

พ.ต.อ.ภาณุเดช ยอมรับว่าติดตามจับกุมได้ยากเนื่องจากคนร้ายเป็นคนงานต่างด้าวไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนทำประวัติไว้กับผู้จ้างงาน มีเพียงคำซัดทอดจากผู้ต้องหารายแรกคงต้องหลักฐานทางนิติเวชมาประกอบเพิ่มเติมจึงจะสามารถออกหมายจับได้ อย่างไรก็ตามได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนไปติดตามไล่ล่าตัวอย่างต่อเนื่องขอเวลาให้ตำรวจอีกเล็กน้อย น่าจะจับตัวได้

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook