ลับ ลวง พราง ! คดีปล่อยผู้ต้องหากลางดึก

ลับ ลวง พราง ! คดีปล่อยผู้ต้องหากลางดึก

ลับ ลวง พราง ! คดีปล่อยผู้ต้องหากลางดึก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีโลกออนไลน์ได้แชร์คลิปเหตุการณ์หน้าห้องขัง สภ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ที่เผยให้เห็นภาพของสิบเวรนายหนึ่งได้เปิดประตูให้ 2 หญิงสาวเข้าไปเยี่ยมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ ซึ่งเป็นผู้ชาย 2 คน คือ นายสุรชัย อายุ 27 ปี (ลูกพี่คนสั่งยา) และ นายสุรศักดิ์ อายุ 23 ปี (ลูกน้องคนถือยา) ก่อนที่ทั้งหมดจะหลบหนีไปเมื่อเวลาประมาณ 05.00 น.

ซึ่งคลิปนี้กลายเป็นที่สงสัยของสังคมเป็นอย่างมาก ว่าเหตุใดญาติของผู้ต้องหาถึงสามารถเข้ามาเยี่ยมได้ในยามวิกาล คือ เวลาประมาณ 04.50น. ทั้งที่ตามระเบียบกำหนดญาติผู้ต้องหาสามารถเข้าเยี่ยมได้แค่ 3 เวลา คือ 08.00-09.00 น. ,12.00-13.00 น. ,16.00-17.00 น.และสามารถเยี่ยมได้แค่ครั้งล่ะ 10 นาทีเท่านั้นเอง

1j

หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทาง พล.ต.ต.สมชาย นุ่มโต ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด ได้สั่งการให้สอบสวน และเอาผิดวินัยร้ายแรงกับ ดต.ฉลาด โดยให้ออกจากราชการไว้ก่อน ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

และขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อจับกุม น.ส.เสาวลักษ์ และ น.ส.ไอรดา ในข้อหาช่วยเหลือผู้ต้องหาหลบหนีจากห้องควบคุมและกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยกันเร่งติดตามตัวคนร้ายให้ได้เร็วที่สุด

โดยทางด้าน ดต.ฉลาด สิบเวรได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตนเองเปิดประตูห้องคุมขังไปทำความสะอาด และเอาขยะออกมาทิ้ง ระหว่างนั้นได้มี น.ส.เสาวลักษณ์ และ น.ส.ไอรดา พลเยี่ยม ซึ่งเป็นแฟนสาวของผู้ต้องหาทั้งสองได้ขึ้นมาบนห้องคุมขัง และพูดคุยกอดจูบสั่งลากันด้วยความเศร้าโศก ตนเองจึงแจ้งให้ออกไปและหยุดกอดจูบกัน

ทันใดนั้นหญิงทั้งสองคนพร้อมผู้ต้องหาก็พร้อมใจกันดันตัวสิบเวรออกจากห้องขัง แล้วพากันวิ่งหลบหนีออกไปที่ถนนหน้าสถานี ตนเองจึงวิ่งไล่ติดตามและมีรถเก๋ง (ไม่ทราบยี่ห้อเเละสี) มารับผู้ต้องหาขึ้นรถหลบหนีไปอย่างลอยนวล

image5

นอกจากนี้ ดต.ฉลาด ยังได้เปิดใจกับทางเฟซบุ๊ก อีจัน ซึ่งมีใจความที่น่าสนใจว่า “ที่จริงผมมีเจตนาเปิดมาเอาขยะและเป็นความประมาทเลินเล่อของผมเอง เพราะหลังจากที่เปิดประตูแล้วเขาก็ดันประตูออกมา ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเข้ามาเยี่ยมตอนตี 4 ทั้งที่ไม่ใช่เวลาเยี่ยม ผมก็เสียใจที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน

ผมขอสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายว่า ผมไม่มีเจตนา ถ้าให้ผม 3 ล้านผมกล้าปล่อยเลย นี่ผมไม่ได้เงินสักบาท ซึ่งข่าวออกมาแบบนี้ผมก็ยอมรับว่าเป็นความผิดของผม ซึ่งมันคือความประมาทของผมเอง แม้ตอนนี้เงินจะซื้อข้าวกินผมยังไม่มีซักบาท ผมขอความเป็นธรรมให้มองความเป็นจริงบ้าง” ดต.ฉลาด กล่าวทิ้งท้ายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ทั้งนี้ลองมาดูความคิดเห็นฝั่งทนายกันบ้างว่า คดีนี้ ดต.ฉลาด จะรอดพ้นความผิดหรือไม่ และถ้าผิดจริงจะได้รับโทษอย่างไร

ทาง Sanook! News จึงได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ ทนายวรวัฒน์ บุญฤทธิ์ ซึ่งได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีนี้ว่าเมื่อพิจารณาจากบทสัมภาษณ์ของ ดต.ฉลาด ที่ได้ให้การยอมรับว่าเป็นความประมาทของตนเองและขอยอมรับความผิดพลาดทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น หากสามารถพิสูจน์ได้ว่าเกิดจากความประมาทและไม่มีส่วนรู้เห็นจริงๆ

ซึ่งเมื่อดูจากกฎหมายอาญามาตรา 205 จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าสามารถจับกุมผู้คุมขังคืนมาได้ภายในเวลา 3 เดือน "ให้งดการลงโทษแก่ผู้กระทำความผิดนั้น "

ในทางกลับกันหากพิสูจน์ได้ว่า ดต.ฉลาด มีเจตนาปล่อยตัวผู้ต้องหาจริง ก็อาจจะได้รับโทษตามมาตรา 204 ฐานปล่อยให้ผู้ต้องหาหลบหนี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-7 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 140,000บาท และ มาตรา 157 ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

1erw

ซึ่งความผิดที่เกิดขึ้นคงต้องรอผลการสอบสวนของคณะกรรมการตำรวจต่อไปและอย่าเพิ่งด่วนสรุปจากข้อมูลที่เกิดขึ้น คงต้องรอให้จับผู้ต้องหาเพื่อกลับมาสอบสวนเพิ่มเติมเสียก่อนและ

ที่สำคัญถ้าสามารถจับตัวผู้ต้องหาได้ภายใน 3 เดือน ก็จะเป็นผลดีของคุณตำรวจท่านนี้โทษหนักจะได้เป็นเบา ทนายวรวัฒน์ บุญฤทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย

คดีนี้ต้องยอมรับว่าเกิดความสังสัยอยู่หลายประเด็นทั้งการเยี่ยมนอกเวลาและการดูแลรักษาความปลอดภัยของโรงพัก แต่ถ้าหากมีการจัดฉากเกิดขึ้นจริงภาพจากกล้องวงจรปิดก็น่าจะถูกทำลายลงไปด้วยเพราะเป็นหลักฐานสำคัญชั้นดี

แต่ถ้าหากเกิดขึ้นจากความประมาทของตัวบุคคล หรือ เกิดจากใบสั่งของใคร ที่อยากแค่จะปล่อยออกไปข้างนอกเพียงชั่วคราว ก็คงต้องภาวนาให้จับคนร้ายได้ภายใน 3 เดือน ซึ่งกุญแจสำคัญอยู่ที่ผู้ต้องหาที่กำลังหลบหนีเพราะพวกเขาเหล่านั้นจะเป็นผู้ไขความกระจ่างของคดี ลับ ลวง พราง นี้ทั้งหมด ความดีจะปรากฎหรือความชั่วจะบังเกิดคงต้องติดตามดูกันต่อไป 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook