เอ วราวุธ แจงปัญหาที่เกิดขึ้น เปิดใจเคลียร์ พี่หนูแหม่ม แล้ว

จากกระแสที่เป็นประเด็นร้อนมาก่อนหน้านี้ของรายการเปลี่ยนหน้าท้าโชว์ Sing Your Face Off Season 3 เกี่ยวกับเวลาการทำงานนัดเช้าเลิกตี 4 จนพิธีกรคนดังอย่าง พี่หนูแหม่ม สุริวิภา ทนไม่ไหวถึงกับเขียนข้อความระบายความในใจ ผ่านอินสตาแกรมของตัวเอง โดยบอกว่า

"ไม่มีสัจจะ ไม่เป็นคำพูด ไม่มืออาชีพ ไม่มีความเป็นทีมเวิร์ค ไม่แคร์ว่าใครจะเป็นอย่างไร งานกูเสร็จเป็นพอ ถ้าต้องมีใครเป็นอะไร คุณก็แค่ส่งพวงหรีด ทุกครั้งก็ได้แค่ขอโทษ ไม่เวิร์คแล้วนะคะ งานแบบนัด9โมงเช้าเลิกตี4 อาจจะดูขำ แต่ชีวิตคนก็สำคัญนะคะ ทุกฝ่ายต้องรับผิดชอบหลายงาน ไม่ใช่คุณเจ้าเดียวรีดเลือดรีดเนื้อจนหมดแบบนี้ ของBye Bye เราขายความสามารถ เราขายประสพการณ์ ไม่ได้ขายชีวิต" 

ล่าสุด  "เอ วราวุธ เจนธนากุล " ในนามของผู้ผลิตรายการ "เปลี่ยนหน้าท้าโชว์ Sing Your Face Off Season 3"  ได้เปิดใจผ่าน Sanook! News พร้อมกับบอกถึงปัญหาในวันนั้น และเผยว่าได้มีการเคลียร์ใจกับ พี่หนูแหม่ม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเปิดใจแบบหมดเปลือกว่า

"เราอัดรายการวันเสาร์ทีผ่านมา (20 พ.ค.) ช่วงเช้าเรามีการแถลงข่าวและทีมงานได้นัดดาราพิธีกรมาประมาณ 9 โมง ตั้งเป้าไว้แถลงข่าวประมาณ 10 โมง มีเหตุติดขัดบ้างครับ เราเลยได้เริ่มแถลงข่าวประมาณ 11 โมงกว่าๆ  มีการสัมภาษณ์ตามอัธยาศัยกระทั่งถึงบ่าย 4 โมงเย็น และจากนั้นเริ่มการแต่งหน้าซึ่งเป็นการแต่งหน้าครั้งแรกมีเทคนิคบางอย่างต้องใช้เวลามาก แต่งหน้าเสร็จทุกท่านประมาณ 4 ทุ่มกว่าถึงได้ถ่ายรายการก็เสร็จประมาณตีสามกว่าๆ โดยประมาณครับ" 

"จริงๆ อยากเข้าไปทำความเข้าใจกับพี่หนูแหม่ม ด้วยว่ามีความปัญหาติดขัดตรงไหนบ้างที่เกิดขึ้น พี่หนูแหม่มอยู่บนเวที เราอยู่ด้านหลังเราพยายามแก้ไขอย่างสุดความสามารถ แต่เราเห็นว่าดึกแล้วจึงไม่อยากรบกวนพี่หนูแหม่มด้วย จึงให้พี่หนูแหม่มเขากลับบ้านโดยยังไม่ได้มีการพูดคุยในวันนั้น"

"คือพี่หนูแหม่มมีงานเช้า ซึ่งเขาได้แจ้งทีมงานไว้ก่อนแล้วว่าถ้าเป็นไปได้อยากเลิกไม่เกินสักเที่ยงคืน เราเข้าใจในความตั้งใจของพี่หนูแหม่มที่อยากจะพักผ่อนเพื่อที่จะมีแรงเต็มที่ในการทำงานต่อ แต่ด้วยการทำรายการมันมีความล่าช้า ต้องขอโทษพี่เขาไว้ พยายามที่จะปรับปรุง เพื่อที่จะทำให้การทำงานมันราบรื่นมากขึ้น ซึ่งหลังจากนี้ไปไม่มีการแถลงข่าวแล้ว สามารถเลิกได้ตามเป้า"

"งานแถลงข่าวต้องบอกว่ามีหลายฝ่ายที่เข้ามาเกี่ยวข้องไม่ใช่แค่ทางเราฝ่ายเดียว มีทุกๆ ฝ่ายที่มาเกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้น การคุมเวลาอาจจะไม่ได้ตรงตามที่เราตั้งไว้"

"ก่อนหน้านี้ซีซั่นแรก ซีซั่นที่สอง มีลักษณะที่อัดดึกเฉพาะบางวันที่อัดสองเทป แต่ซีซั่นนี้เราอัดวันละหนึ่งเทป เพราะฉะนั้นให้ความมั่นใจกับพี่หนูแหม่มได้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ได้เลิกตามเวลาที่ต้องการ"

"ซึ่งเมื่อวันจันทร์ตอนเย็น มีโอกาสพบกับพี่หนูแหม่ม และได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้พี่หนูแหม่มฟัง ก็ให้ความมั่นใจ พี่หนูแหม่มก็มั่นใจว่าเราจะสามารถทำได้ ไม่ได้ติดอะไร ไม่ได้มีปัญหาอะไร พิธีกรซีซั่นนี้ยังคงเป็นพี่หนูแหม่มเหมือนเดิม"

"อยากจะเล่าให้ฟัง ณ ตอนนั้น แต่ด้วยความที่พี่หนูแหม่มอยู่บนเวที อยากให้พี่เขาได้ทำงานอย่างเต็มที่ มีปัญหาอะไรเรายังไม่ได้เล่าให้ฟัง พี่หนูแหม่มอาจจะรู้สึกว่าบางจังหวะทำไมช้าจังเลย หรือบางจังหวะน่าจะเร็วกว่านี้ได้ จริงๆ มันมีเหตุผลของมันอยู่ เราไม่ได้ปล่อยปละละเลยอะไร ทีมงานทุกฝ่ายทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้งานออกสมบูรณ์แบบที่สุด"

"ผมเองนั่งอยู่ด้านล่าง ผมก็รู้สึกว่าบางรายละเอียดทีมงานผมเขาเก็บทุกรายละเอียดจริงๆ จนแซวทีมงานว่าบางรายละเอียดเราอาจจะปล่อยๆ ไปบ้างก็ได้ เพราะบางครั้งละเอียดมากก็จะเสียเวลามาก ผมเข้าใจทุกฝ่ายนะครับ ผมต้องเรียนอย่างนี้ว่า เข้าใจว่าพี่หนูแหม่มเขามีความเครียดจากการทำงาน เข้าใจทีมงานทุกคนที่ตั้งใจ เข้าใจศิลปินทุกท่าน เข้าใจคอมเม้นเตเตอร์ทุกท่าน การทำรายการรายการหนึ่ง มันเกี่ยวข้องกับคนเยอะมากมาย โดยเฉพาะรายการนี้เบื้องหน้าเบืองหลังไม่ต่ำกว่า 300 คน เพราะฉะนั้นทุกคนอยากให้เกิดความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น"

"เป็นความสมบูรณ์ของรายการ ประโยชน์จะได้กับท่านผู้ชม ห้ามพลาดเพราะจัดเต็มเพราะสัปดาห์แรกมีฮือฮาแน่นอน โชว๋แต่ละโชว์จะได้รู้เลยว่าทำไมถึงนาน" 

"เรื่องโปรโมทรายการแบบดราม่า ผมบอกเลยว่าไม่เคยมีนโยบายแบบนี้ เรื่องแบบนี้ไม่ควรจะมาทำให้ประชาชนหรือสงสัยอะไร ส่วนตัวไม่เคยมีและไม่เคยคิดที่จะทำด้วยซ้ำไป จริงๆ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทำงานจริง อันไหนที่เป็นปัญหาก็แก้กันไป" บริษัท เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ เข้าปีที่ 8 แล้ว ผลิตรายการมากว่า 3 พันชั่วโมงแล้ว อย่างที่บอกครับมีปัญหาบ้างเราก็ต้องแก้กันไปครับ" 

"การถ่ายทำครั้งต่อไปจะได้เห็นว่ามันไม่เหมือนเดิมแล้ว เราเปลียนสตูดิโอใหม่ สะดวกสบายมากขึ้น เวลาจะไม่ได้ล่วงเลยไปมากแบบนี้ เดี๋ยวอัดเทปครั้งที่สองครั้งที่สามจะเห็นได้เองครับ ว่าทุกคนจะมีความสุขมากขึ้น"

"กระแสตอบรับในตัวรายการดีมาก นอกจากจะได้เห็นความสามารถของดาราและศิลปินที่มาร่วมแล้ว เรามีการได้ร่วมทำบุญกับมูลนิธิต่างๆ ด้วย และปีนี้เรามาในคอนเซ็ปต์เปลี่ยนนี้้เพื่อคุณ ท่านผู้ชมบางคนสู้ชีวิตอยากทำให้ชีวิตดีขึ้น ลองส่งเรื่องราวเข้ามา ถ้าเรื่องราวได้รับคัดเลือกคุณจะมีโอกาสได้เงินรางวัลจากทางรายการ 1 แสนบาทต่อสัปดาห์  รายการจะอยู่ได้ด้วยความตั้งใจของทุกฝ่ายอยากจะทำสิ่งดีๆ เพื่อสังคม"