วันอิสรภาพของแพะ ปล่อยตัวหนุ่มอุบลฯ ติดคุกฟรีมา 7 ปี
เรือนจำกลางจังหวัดอุบลราชธานี ได้ปล่อยตัวแพะรับบาป หลังศาลยกฟ้องไม่มีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะไม่เชื่อพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน ทำให้เจ้าตัวต้องโทษฟรีๆ มาเกือบ 7 ปี
เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (25 พ.ค.) พ.ต.อ.ดุษฏี อารยะวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน DSI และ นายประสิทธิ์ศักดิ์ ฝอยทอง ทนายความและเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางจังหวัดอุบลราชธานี ได้เบิกตัว นายวรวิทย์ สินทองน้อย อายุ 30 ปี ชาว อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี้
หลังศาลจังหวัดเดชอุดมมีคำพิพากษายกฟ้องในข้อหาร่วมกันสมคบคิดกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากศาลไม่เชื่อพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน สภ.เดชอุดม ซึ่งเป็นโจทก์ยื่นฟ้องตามคดีหมายเลขดำที่ 1941/2559 ลงวันที่ 24 ส.ค. 2559 แต่เชื่อในหลักฐานของฝ่ายจำเลยที่มีเจ้าหน้าที่ดีเอไอ ผู้บัญชาการเรือนจำกลาง รวมทั้งหลักฐานแวดล้อมด้านวิทยาศาสตร์ที่มาสนับสนุน ศาลจึงเชื่อว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้องจริง และตัดสินให้ยกฟ้องจำเลยและให้ปล่อยตัวในวันนี้
ทั้งนี้ที่หน้าเรือนจำ นางแดง สินทองน้อย มารดาและญาติพี่น้องรวมทั้งเพื่อนบ้านกว่า 50 คน มารอรับ เมื่อ นายวรวิทย์ เดินออกจากประตูญาติพี่น้องได้กรูกันเข้ามาใช้นำมนต์ที่ไปเอามาจาก 9 วัด พร้อมด้ายสายสินมาราดรดตัวเพื่อล้างความโชคร้ายที่ต้องถูกจองจำอยู่ในคุกนานเกือบ 7 ปี ทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิดแต่อย่างใด
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อปี 2553 นายวรวิทย์พร้อมวัยรุ่นวันเดียวกันถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เดชอุดม จับกุมข้อหาร่วมกันใช้อาวุธปืนฆ่าผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย เหตุเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 6 ต.ค. 2553 บนถนนสาธารณะบริเวณข้างโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำอำเภอเดชอุดม ซึ่งมีการจัดชกมวยการกุศล และได้ถูกจับดำเนินคดีพร้อมกับกลุ่มวัยรุ่นรวม 6 คน
กระทั่งเมื่อเดือนธันวาคม 2554 ศาลชั้นต้นได้ตัดสินให้จำคุก นายวรวิทย์ ตลอดชีวิต ส่วนกลุ่มวัยรุ่นถูกตัดสินลดหลั่นกันไป ต่อมาเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2559 ศาลฏีกาได้ตัดสินให้ยกฟ้อง นายวรวิทย์ เพราะมีเหตุผลขัดแย้งด้านวิถีกระสุนและระยะทางการยิงกับจุดที่ นายวรวิทย์ ซึ่งได้รับการพิสูจน์จากผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี
แต่ นายวรวิทย์ ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว เนื่องจากถูกพนักงานสอบสวนขออายัดตัวในความผิดร่วมกันสมคบคิดกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ขณะถูกจองจำอยู่ในเรือนกลางจังหวัดอุบลราชธานี จากคำซัดทอดของผู้ต้องหาที่ถูกชุดสืบสวน สภ.เดชอุดม จับกุมได้ โดยระบุว่า นายวรวิทย์ เป็นผู้โทรศัพท์สั่งการจากภายในเรือนจำให้ผู้ต้องไปรับยาบ้าและนำยาบ้าไปมอบให้กับผู้ซื้อ กระทั่งถูกจับได้
หลังจาก นายวรวิทย์ ถูกอายัดตัวไว้ดำเนินคดีต่อ ทางครอบครัวได้ประสานให้ นายประสิทธิ์ศักดิ์ ฝอยทอง เป็นทนายความแก้ต่างให้ และนายประสิทธิ์ศักดิ์มีการประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่ได้ตามพิสูจน์ในคดีฆ่าผู้อื่นจนศาลฏีกากลับคำพิพากษา รวมทั้งมีการสืบเสาะจนได้ความว่าเรือนจำกลางอุบลราชธานี เป็นเรือนจำที่มีความมั่นคงสูง มีอุปกรณ์ใช้ตัดสัญญาณการใช้โทรศัพท์ และระหว่างถูกควบคุมไม่มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับคดียาเสพติดมาก่อน
รวมทั้งจากการสอบถามเพื่อนบ้านก็ไม่พบพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวยาเสพติดเช่นกัน จึงได้นำพยานบุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เจ้าหน้าที่เรือนจำ รวมทั้งหลักฐานด้านวิทยาศาสตร์เสนอให้ศาลพิจารณา จนศาลเชื่อถือในหลักฐานและมีคำสั่งยกฟ้องและให้ปล่อยตัวนายวรวิทย์พ้นจากการควบคุมเมื่อเย็นวันนี้ หลังต้องเป็นแพะติดอยู่ในคุกนานเกือบ 7 ปี