"จ่าพัน" โร่ขอขมาคนแม่ฮ่องสอน หลังโพสต์เปลี่ยนคำขวัญจังหวัด

"จ่าพัน" โร่ขอขมาคนแม่ฮ่องสอน หลังโพสต์เปลี่ยนคำขวัญจังหวัด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"จ่าพัน" ทหารสังกัด กอ.รมน.ที่โพสต์ข้อความเปลี่ยนคำขวัญประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน เสียดสีคดีอื้อฉาว โร่ขอขมาสิ่งศักดิ์คู่เมือง พร้อมวอนให้คนพื้นที่ให้อภัย

(28 พ.ค.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายประเสริฐ ประดิษฐ์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วย จ่าสิบเอกขัติพันธ์ บุตรสอน หรือ จ่าพัน นายทหารชั้นประทวน สังกัด กอ.รมน.จ.แม่ฮ่องสอน ปัจจุบันถูกย้ายไปประจำที่ค่ายโสณบัณฑิตย์ อ.ปาย เดินทางไปขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ได้แก่ พระธาตุเจดีย์องค์ใหญ่ บนวัดพระธาตุดอยกองมู จากนั้นได้เดินทางไปขอขมาต่อ ศาลหลักเมือง ศาลเจ้าพ่อข้อมือเหล็ก และ ศาลเจ้าแก้วเมืองมา ศาลเจ้าหน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองแม่ฮ่องสอน

นายประเสริฐ เปิดเผยว่า การขอขมาดังกล่าว สืบเนื่องมาจากเจ้าแก้วเมืองมา ท่านได้เข้าทรงร่างทรงเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา และกล่าวไว้ว่าเรื่องของจ่าขัติพันธ์ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะความไม่ตั้งใจและให้อภัยแก่เขา แต่เขาจะต้องไปทำการขอขมาสักการะสิ่งศักดิ์ 3 แห่ง คือ พระธาตุเจดีย์บนวัดพระธาตุดอยกองมู , ศาลเจ้าพ่อข้อมือเหล็ก และ ศาลเจ้าแก้วเมืองมา จึงจะยกโทษให้

ตนเองจึงได้ติดต่อไปยัง จ่าขัติพันธ์ ให้ดำเนินการขอขมาในวันนี้ ส่วนในเรื่องความผิดพลาดที่ผ่านมานั้น ตนไม่ติดใจและให้อภัยให้แก่ จ่าพัน ส่วนในเรื่องคดีความตนได้ปรึกษากับ พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เชียงใหม่ แล้ว ได้ความว่า เรื่องคดีของ จ่าสิบเอกขัติพันธ์ บุตรสอน เป็นคดีความอาญา ที่ยอมความกันไม่ได้ คดีต้องเดินไปตามกระบวนการถูกผิดอยู่ที่ศาลจะพิพากษา

ขณะที่ จ่าสิบเอกขัติพันธ์ เปิดเผยว่า สิ่งที่ได้ทำลงไปนั้น เนื่องจากไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ชื่อเสียงของชาวแม่ฮ่องสอน ต้องเสียหาย และตนขอกราบขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และกราบขอโทษชาวแม่ฮ่องสอน ที่ได้กระทำผิดพลาดลงไป และหวังว่าคนเมืองแม่ฮ่องสอนจะให้อภัย ทั้งนี้ในเรื่องของต้นสังกัด ทางกองทัพภาคที่ 3 ได้สั่งลงโทษตนด้วยการย้ายกลับต้นสังกัด ที่ ค่ายโสณบัณฑิตย์ ร.7 พัน. 5 ที่อำเภอปาย และสั่งกักบริเวณไปแล้วจำนวน 30 วัน

สำหรับกรณีของจ่าพันนั้น เกิดขึ้นหลังมีการโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กเปลี่ยนคำขวัญของจังหวัดแม่ฮ่องสอน จาก "หมอกสามฤดู กองมูเสียดฟ้า ป่าเขียวขจี ผู้คนดี ประเพณีงาม ลือนามถิ่นบัวตอง" ให้กลายเป็น "กองมูเสียดฟ้า ป่าเขียวไม่มี ผู้คนอัปรีย์ ประเพณีทราม ค้ากามอันดับหนึ่ง" ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าแจ้งความดำเนินคดี ฐานเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ และทำให้บุคคลอื่นได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียงและอับอาย ตามพรบ.คอมพิวเตอร์ ฉบับใหม่

นอกจากนี้ ภายในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ยังได้มีการขึ้นป้ายต่อต้านจ่าพันอย่างหนัก และชาวเมืองต่างพากันโกรธแค้น จนถึงขั้นมีกลุ่มวัยรุ่นหัวรุนแรง พากันรวมตัวจะไปทำร้ายจ่าพันที่บ้านพัก แต่ได้มาผู้อาวุโสขอร้องไว้ จนไม่เกิดเหตุการณ์ใหญ่โตขึ้นมา

สำหรับผู้ที่ถูกแจ้งความเป็นหนึ่งในกลุ่มบุคคลที่ นางน้ำเพชร ได้แจ้งความ ต่อ พล.ต.อ,ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล ว่าถูกโทรข่มขู่ และถูก น้องจอย ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ กล่าวหาว่าเคยไปนั่งทานข้าวด้วยกัน ซึ่งมีการแถลงข่าวจากส่วนกลางไปแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook