5 นักศึกษาตกใจ! เงินหมุนเวียนบัญชีร่วม 100 ล้าน
นักศึกษาช่างฝีมือในจังหวัดอุบลราชธานี เข้าแจ้งความสภ.เมืองอุบลฯ อายัดบัญชีธนาคารชื่อดัง หลังพบเงินหมุนเวียนในบัญชีเคลื่อนไหวเดือนละเกือบ 100 ล้านบาท คาดเป็นเงินในธุรกิจผิดกฎหมาย ยอมรับเคยรับจ้างเปิดบัญชี
วันนี้ (2 มิ.ย. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.โฉมนภา ตระการจันทร์ อายุ 45 ปี นำนายจรูญ เครือชาลี อายุ 17 ปี บุตรชาย และเพื่อนรวม 5 คน เข้าพบ พ.ต.ท.ปราโมทย์ ชื่นตา รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี เพื่อแจ้งความอายัดบัญชีของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาโรงแรมสุนีย์ ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี
โดยนำหลักฐานเอกสารความเคลื่อนไหวเงินในบัญชีของผู้เข้าแจ้งความแต่ละคนรวม 12 บัญชี เป็นหลักฐานการแจ้งความ โดยนายจรูญและเพื่อนเล่าว่า เมื่อประมาณเดือนธันวาคม 2559 มีนายทรงวุฒิ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี นักศึกษารุ่นพี่วิทยาลัยเดียวกัน มาชักชวนให้ไปเปิดบัญชีกับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาดังกล่าว คนละ 2-3 บัญชี โดยผู้ให้มาเปิดบัญชีจะให้เงินค่าจ้างคนละ 500 บาท ซึ่งพวกตนไม่รู้เรื่อง แต่ต้องการเงิน จึงพากันเปิดบัญชี รวมทั้งนายทรงวุฒิ ก็เปิดบัญชีด้วยกัน
กระทั่งเมื่อวานมีเจ้าหน้าที่ของธนาคารสาขาดังกล่าว มาพบกับนายจรูญและมารดาที่บ้านพัก พร้อมนำเอกสารการเคลื่อนไหวทางบัญชีที่มีเงินโอนเข้าออกตั้งแต่หลัก 50 บาทไปจนถึงหลักแสนบาท เพราะสงสัยประกอบธุรกิจอะไร ถึงมีการเคลื่อนไหวของบัญชีอย่างต่อเนื่อง เฉพาะแค่เดือนพฤษภาคม 2560 เพียงเดือนเดียวบัญชีหมายเลข 917-214508-1 ของนายจรูญมีเงินหมุนเวียนเข้าออกทุกวันรวมยอดกว่า 7 ล้านบาท
ทำให้ครอบครัวนายจรูญตกใจ และเชื่อว่ากลุ่มมิจฉาชีพ น่าจะใช้บัญชีชื่อของตนทำเรื่องผิดกฎหมาย จึงแจ้งให้เพื่อนที่ไปร่วมเปิดบัญชีด้วยกันทราบ และเจ้าหน้าที่ธนาคารได้แนะนำให้รวมตัวนำเอกสารที่ธนาคารเตรียมมาให้มาแจ้งความวันนี้ จากการตรวจสอบของตำรวจเบื้องต้นพบทั้ง 12 บัญชีมีเงินหมุนเวียนเดือนละเกือบ 100 ล้านบาท
หลังได้รับแจ้ง พ.ต.ท.ปราโมทย์ ได้เรียกตัวนายทรงวุฒิ นักศึกษารุ่นพี่มาให้ปากคำ โดยนายทรงวุฒิยอมรับว่า ได้รับการว่าจ้างจากเพื่อนของมารดาที่พักอยู่ต่างอำเภอ ให้มาจ้างบรรดาเพื่อนนักศึกษาให้ไปเปิดบัญชี เพื่อรับโอนเงินค่าหวยใต้ดิน โดยให้ค่าตอบแทนคนละ 500 บาท ซึ่งนายทรงวุฒิ ก็ได้เปิดบัญชีให้กับเพื่อนของมารดาด้วย 2 บัญชี
และก็พบการหมุนเวียนเงินเข้าออกเดือนละกว่าล้านบาท โดยนายทรงวุฒิก็ไม่ทราบจะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย พนักงานสอบสวนจึงได้สอบปากคำนายทรงวุฒิ ไว้เป็นหลักฐาน โดยยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใดๆ และจะได้เชิญมารดานายทรงวุฒิให้ติดต่อเพื่อนคนดังกล่าวมาพบกับเจ้าหน้าที่ก่อนจะดำเนินการต่อไป