รวบพม่าต้องสงสัยฆ่าข่มขืน นศ.แม่โจ้เพิ่มอีกราย

รวบพม่าต้องสงสัยฆ่าข่มขืน นศ.แม่โจ้เพิ่มอีกราย

รวบพม่าต้องสงสัยฆ่าข่มขืน นศ.แม่โจ้เพิ่มอีกราย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รวบพม่าต้องสงสัยฆ่าข่มขืน นศ.แม่โจ้ที่ถูกซัดทอดเพิ่มอีกราย สารภาพคืนเกิดเหตุไปหาผู้ต้องหารายแรกจริงแต่ไม่พบ ตำรวจไม่เชื่อนำลายนิ้วมือตรวจหาดีเอ็นเอในที่เกิดเหตุเปรียบเทียบ แย้มผู้ต้องหาอาจมีมากกว่าสอง

ความคืบหน้าคดีฆ่าข่มขืน น.ส.วิไลรัตน์ กุจะพันธ์ อายุ 22 ปี นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ สาขาการบัญชี ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ ที่ก่อนหน้านี้ตำรวจจับกุมคนร้ายได้ 1 รายคือ นายจาบบึก หรือ นายไชย ไม่มีนามสกุล อายุ 22 ปีเป็นคนงานก่อสร้างชาวไทยใหญ่ สัญชาติพม่าซึ่งสารภาพว่าร่วมกับเพื่อนก่อสร้างไทยใหญ่อีก 1 คนซึ่งได้หลบหนีและตำรวจเร่งติดตามตัวอยู่นั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 10 ก.พ. ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จวเชียงใหม่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเป็นคนงานก่อสร้างชาวไทยใหญ่อีก 1 ราย ชื่อ นายทุน ไม่มีนามสกุล อายุ 30 ปีที่อยู่ตามบัตรสีชมพูซึ่งเป็นใบอนุญาตคนงานต่างด้าวที่ทำงานถูกต้องตาม กฎหมายอยู่บ้านเลขที่ 13/ช หมู่ที่11 ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอนมาสอบปากคำที่ สภ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เนื่องจากเป็นผู้ต้องสงสัยรายนี้เป็นรายเดียวกันกับที่นายจายบึก หรือไชย ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมรายแรกให้การซัดทอดว่าร่วมกันก่อเหตุฆ่าข่มขืนนศ.มหา วิทยาลัยแม่โจ้ในคืนเกิดเหตุ โดยไปควบคุมตัวนายทุน ผู้ต้องสงสัยได้ที่เขตพื้นที่อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

พ.ต.ท.มานพ พิมสาร รอง ผกก.สภ.สันทราย เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำและคำให้การซัดทอดของผู้ต้องหารายแรกตำรวจจึงได้ประสานข้อมูล คนร้ายที่หลบหนีไปยังทุกสถานีตำรวจ กระทั่งช่วงเย็นสายตรวจ สภ.แม่ริมได้พบเห็นนายทุนกำลังเดินอยู่มีลักษณะมอมแมมคล้ายกันกับผู้ต้องหา ที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามจับกุมอยู่รวมทั้งมีท่าทีพิรุธเมื่อเห็นเจ้า หน้าที่ จึงได้แจ้งประสานให้ชุดสืบสวนเข้าควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สภ.สันทราย

จากการสอบปากคำนายทุน ผู้ต้องสงสัยรายนี้ได้รับสารภาพว่าทำงานเป็นคนงานก่อสร้าง อ้างว่าที่เข้าไปอยู่ในอ.แม่ริมเนื่องจากต้องการไปเดินหางานทำ และยังบอกว่ารู้จักกับนายไชย ผู้ต้องหาที่ถูกจับคนแรก นอกจากนี้ในคืนวันที่เกิดเหตุประมาณ 4-5 ทุ่มได้เดินทางไปหานายไชยที่แค้มป์คนงานหลังหอพักที่ผู้ตายพักอยู่ โดยตั้งใจจะไปร่วมดื่มเหล้าแต่ไปแล้วไม่พบนายไชยจึงกลับ โดยปฏิเสธว่าไม่ได้รู้เห็นหรือมีส่วนร่วมกับการก่อเหตุฆ่าข่มขืนนักศึกษาสาว ดังกล่าว

พ.ต.ท.มานพ กล่าวว่า หลังสอบปากคำตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อเพราะจากการตรวจสอบประวัติพบว่านายทุนเคยมีประวัติถูกนายจ้างไล่ออก เนื่องจากมีพฤติการณ์แอบไปถ้ำมองหญิงสาวในหอพักย่านมหาวิทยาลัยพายัพมาก่อน และจากการสอบปากคำพยานที่เป็นเพื่อนคนงานต่างด้าวที่รู้จักกับนายทุนหลายคน ให้การตรงกันว่านายทุนยังเคยแอบไปถ้ำมองหญิงสาวตามหอพักใกล้กับจุดเกิดเหตุ ย่านมหาวิทยาลัยแม่โจ้อีกด้วย แต่ได้เคยเพื่อคนงานว่าหากใครนำเรื่องการถ้ำมองไปบอกตำรวจจะถูกปาดคอ จึงทำให้เพื่อนคนงานหลายคนเกรงกลัวเพราะทราบดีว่านายทุนนั้นเป็นขาใหญ่และ อาจก่อเหตุทำร้ายผู้อื่นได้ไม่ยาก

จนถึงขณะนี้นายทุนยังให้การปฏิเสธ เจ้าหน้าที่จะต้องรอผลการตรวจลายนิ้วมือในที่เกิดเหตุ ผลตรวจด้านนิติวิทยาทั้งการตรวจหาดีเอ็นเอของคนร้ายที่ปรากฏที่ร่างกายของ เหยื่อรวมทั้งพยานวัตถุเช่นเส้นขนต่างๆ ของผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งตกอยู่ในห้อง ของผู้ตายมาตรวจสอบเพื่อเปรียบเทียบกับว่าตรงกับของผู้ต้องสงสัยหรือไม่ จึงจะสรุปได้ว่านายทุนเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุสะเทือนขวัญหรือไม่ ซึ่งจนถึงขณะนี้คาดว่าผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุในคืนนั้นน่าจะมีมากกว่า 1 ราย แน่นอน แต่จะเป็น 2 หรือ 3 คนต้องรอดูผลการสืบสวนสอบสวนและผลทางนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาเป็นหลักฐานประกอบคดีเพิ่มเติมต่อไป ทั้งนี้ข้อสังเกตในเรื่องของบาดแผลที่อวัยวะเพศของผู้ตายซึ่งมีบาดแผลฉกรรจ์ มีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมากนั้นยังไม่สามารถสรุปได้ว่ามีคนร้ายรุมข่มขืนกี่รายแต่จากการตรวจร่างกายของนายไชย ผู้ต้องหารายแรกเพิ่มเติมเจ้าหน้าที่พบว่านายไชยนั้นมีพฤติการณ์ฝังมุกที่อวัยวะเพศอยู่ด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook