ย้อนรอยคดีฆ่าโหดสามเณรปลื้ม เส้นทางรวยใครอย่าขวาง

ย้อนรอยคดีฆ่าโหดสามเณรปลื้ม เส้นทางรวยใครอย่าขวาง

ย้อนรอยคดีฆ่าโหดสามเณรปลื้ม เส้นทางรวยใครอย่าขวาง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รวยรวยรวยใครใครก็อยากรวยเพราะความรวยช่วยสร้างวิมานในอากาศให้เป็นความจริงได้ในชาตินี้ จนบ้างครั้งการได้มาซึ่งความร่ำรวยก็ไม่สนแม้แต่วิธีการว่าจะถูกหรือผิด ขอแค่ได้สร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองเท่านั้นพอ แต่หากแม้นมีใครมาขวางทางรวยหรือล่วงรู้แผนลับจับทางรวยมันผู้นั้นต้องโดนเป่าให้พ้นทาง

เฉกเช่นกรณีฆ่าฝังศพสามเณรปลื้มวัย 17 ปี พร้อมโบกปูนทับเพื่ออำพรางคดีในวัดวังตะวันตก จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งคดีนี้มีต้นตอมาจากความโลภและผลประโยชน์มหาศาลที่ยากจะปฏิเสธ

1fgsanook.com

จุดเริ่มต้นของคดีฆ่าฝังศพสามเณรปลื้ม เริ่มจากการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยกว่า 5 เดือนของสามเณรปลื้ม เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2560 ทางพ่อและญาติจึงได้เข้าร้องเรียนกับตำรวจ โดยให้เบาะแสว่าสามเณรปลื้มเคยมีปากเสียงกับ นางสาวบิว หรือ นางสาวปิยฉัตร ไวยาวัจกรหญิงของวัดวังตะวันตก และผู้ต้องสงสัยอีกหนึ่งคนคือ “พระเด่นชัย”

1 มิถุนายน 60 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญพระเด่นชัย ,นางบิว ภรรยาของพระเด่น ,สามเณรสุริยา, พระภิกษุอีก 1 รูป และฆราวาสอีก 1 คน รวมผู้ต้องสงสัยจำนวน 5 คน มาสอบสวนปากคำและพระเด่นให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือฆ่าสามเณรปลื้มจริง ซึ่งสาเหตุการสังหารโหดเพราะเชื่อว่าสามเณรปลื้มเป็นผู้ขโมยทรัพย์สินของภรรยาไป คือ เงินสดจำนวน 50,000 บาท, สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท 1 เส้น, พระเลี่ยมทองหนัก 1 บาท 1 องค์

ในคืนวันที่ 5 ม.ค. จึงเรียกสามเณรปลื้มมาสอบถามแต่สามเณรปลื้มปากแข็ง ไม่ยอมรับจึงลงมือทุบตีจนแน่นิ่ง ก่อนจะนำศพไปฝังใต้ฐานพระ โดยเทพื้นซีเมนต์และก่อฐานทับร่างสามเณรปลื้ม แล้วนำพระพุทธรูป “ พระชินราช” มาประดิษฐาน

1dffPPTV

จากนั้นจึงทำโครงการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่บริเวณหลุมฝังศพสามเณรปลื้มเป็นสวนหย่อมพักผ่อน เพื่อปิดบังซ่อนเร้นศพ และหลังก่อเหตุรู้สึกไม่สบายใจคิดมากมาตลอด สำนึกผิดในการกระทำ จึงตัดสินใจบวชเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา เพื่ออุทิศบุญกุศลให้สามเณรปลื้ม

เรื่องราวเหมือนจะจบลงด้วยดี แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่าสาเหตุการตายของสามเณรปลื้มน่าจะเป็นเรื่องขัดผลประโยชน์ของวัดมากกว่า โดยสามเณรปลื้มน่าจะไปล่วงรู้แผนการของคนร้ายจึงถูกฆ่าปิดปากและนำศพมาฝังดินเพื่ออำพรางคดี

โดยจากการตรวจสอบพบว่าเมื่อ 6-7 ปีที่ผ่านมา นางปิยฉัตรและอดีตพระเด่นชัยเป็นผู้เข้ามาดูแลผลประโยชน์ของวัดแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งมีทั้งรายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ของวัดมูลค่าหลายร้อยล้านบาท เงินสดที่ไหลเข้าวัดทุกวัน วันละไม่น้อยกว่า 15,000 บาท ทั้งจากการเก็บค่าแผงค้ารายวัน ค่าจอดรถรายวัน และอื่นๆ อีกหลายรายการ

 1bgPPTV

ที่มีรายงานว่าไม่ปรากฏอยู่ในสถานะทางบัญชีของวัด นอกจากนี้จากการตรวจสอบบัญชี และเส้นทางการเงินรวมทั้งทรัพย์สินของนางปิยฉัตร และอดีตพระเด่นชัย เบื้องต้นพบเงินสดในบัญชีกว่า 2 ล้านบาท

และทรัพย์สินอื่นๆ เช่น ทองคำรูปพรรณหลายสิบบาท รถยนต์ 3 - 4 คัน บ้าน 2 - 3 หลัง ทั้งในเมืองนครศรีธรรมราช และกรุงเทพมหานคร รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินที่กอบโกยมาจากวัดวังตะวันตก เพราะทั้งคู่ไม่ได้ประกอบอาชีพใดๆ เป็นหลักแหล่ง แต่กลับมีเงินสดและทรัพย์สินมากมาย

ทำไม อดีตพระเด่นชัย และนางปิยฉัตร ถึงได้เข้ามามีอิทธิพลภายในวัดวังตะวันตก มากมายถึงขนาดนี้ ? ต้องบอกว่าเส้นทางสายรวยของเจ๊บิว หรือ นางปิยฉัตร ไม่ธรรมดาจริงๆ

ก่อนนี้ นางปิยฉัตร หรือ บิว มีสามีชื่อว่า “จ่าติ๊ก” ตำรวจสืบสวน สภ.เมือง อดีตสามีถูกจับกุมในคดีล่อลวงนักศึกษาสาววิทยาลัยแห่งหนึ่งไปวางยาสลบก่อนรุมโทรม จึงถูกให้ออกจากราชการและถูกศาลพิพากษาจำคุกกว่า 20 ปี จนต้องหนีประกันชั้นศาลอุทธรณ์ ซึ่งคดีนี้ทำให้นางปิยฉัตรที่มีลูกวัย 4 - 5 ขวบ ได้รับความเดือดร้อน

1der

และมาขอตั้งแผงขายน้ำผลไม้ปั่นบริเวณทางเข้าด้านหลังวัดวังตะวันตก ห่างจากกุฏิเจ้าอาวาสเพียง 50 เมตร และได้รับความเมตตาช่วยเหลือจากพระเทพสิริโสภณ ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช มาตลอด ทำให้นางปิยฉัตรเข้าๆ ออกๆ ภายในวัดจนสนิมกับพระภิกษุสงฆ์และสามเณรทุกรูป

ด้วยความทะเยอทะยานนางปิยฉัตรจึงวางแผนเพื่อให้ตัวเองมีอำนาจและผลประโยชน์ในวัด โดยนำเพื่อนผู้หญิงและสาวประเภทสองเข้ามาในกุฏิพระเทพสิริโสภณตอนกลางคืน และรุมเข้าทำมิดีมิร้ายท่านเจ้าคุณ พร้อมถ่ายคลิปเอาไว้เพื่อใช้ข่มขู่ กดดัน แบล็กเมล์พระเทพสิริโสภณมาตลอดทำให้ท่านเจ้าคุณไม่กล้าขัดขืน

นางปิยฉัตรจึงสามารถกุมอำนาจภายในวัดได้ทั้งหมดโดยออกหนังสือสั่งปลดไวยาจักกรและคณะกรรมการวัดออกทุกคน ก่อนตั้งนายเด่นชัย หรือ อดีตพระเด่นชัย สามีตัวเองเป็นไวยาวัจกรทำการหาผลประโยชน์ภายในวัดทุกรูปแบบ จนกลุ่มของนางปิยฉัตรกลายเป็นมาเฟียมีอิทธิพลครอบงำวัด โดยที่ไม่มีพระภิกษุ - สามเณร หรือฆราวาส กล้าขัดขวาง 

gbgbgfworkpointtv

นอกจากนี้กลุ่มของนางปิยฉัตร ได้กักขังพระเทพสิริโสภณอยู่เฉพาะแต่ในกุฏิ มานานกว่า 2 ปี โดยที่ไม่มีใครสามารถจะเข้าไปพบปะท่านเจ้าอาวาสได้ อำนาจภายในวัดทั้งหมดจึงตกเป็นของนางปิยฉัตรและอดีตพระเด่นชัย

ทั้งนี้ยังมีข้อมูลที่น่าตกใจ จากการเปิดเผยของอดีตพระภิกษุที่เคยจำวัดวังตะวันตกว่าสองสามีภรรยาคู่นี้ต้องการขึ้นเป็นใหญ่มากกว่านี้และรวบอำนาจแบบมั่นคงถาวร

โดยให้สามีคือนายเด่นชัยบวชเป็นพระภิกษุให้ครบ 5 พรรษา เพื่อที่จะได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส และเมื่อถึงเวลานั้นพระเทพสิริโสภณอาจถูกฆ่าก็เป็นได้ เพื่อที่จะทำให้ตำแหน่งเจ้าอาวาสว่างลง และถ้าหากใครล่วงรู้แผนการร้ายนี้อาจต้องถูกกำจัดให้พ้นเส้นทางรวย เพราะวัดนี้เต็มไปด้วยผลประโยชน์มหาศาลที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านบาท

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook