ดราม่าไม่จบ โชเฟอร์ปะทะอูเบอร์ เล่าเรื่องต่างม้วนคนละมุม

ดราม่าไม่จบ โชเฟอร์ปะทะอูเบอร์ เล่าเรื่องต่างม้วนคนละมุม

ดราม่าไม่จบ โชเฟอร์ปะทะอูเบอร์ เล่าเรื่องต่างม้วนคนละมุม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โชเฟอร์แท็กซี่ในคลิปปิดล้อมหนุ่มรถอูเบอร์ ยืนยันไม่ได้หาเรื่องก่อน แต่บีบแตรเตือนว่าจะแซง เพราะอีกฝ่ายมัวแต่กดโทรศัพท์ ด้านหนุ่มอูเบอร์เข้าแจ้งความ ยันแท็กซี่เปิดกระจกด่า

จากกรณีคลิปฉาวระหว่างโชเฟอร์แท็กซี่ปะทะคารมกับผู้ขับรถอูเบอร์ในเมืองพัทยา ต่างฝ่ายต่างทะเลาะมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ตอกย้ำความขัดแย้งระหว่างรถแท็กซี่ท้องถิ่นกับรถบริการอูเบอร์ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าไปห้ามแต่ก็ยังไม่ลดละต่อกัน ตามข่าวที่ได้รายงานไปแล้วนั้น

เมื่อวานนี้ (8 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปพบกับ นายสมเกียรติ อายุ 42 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ที่ปรากฏอยู่ในคลิปดังกล่าว พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ในมุมของตัวเองว่า ตนได้ขับรถหาลูกค้าตามปกติ เมื่อถึงจุดเกิดเหตุก็มีรถเก๋งคันดังกล่าว ที่ไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นรถอูเบอร์ ได้ขับอยู่เลนกลางถนนแบบช้าๆ ตนสังเกตเห็นว่าคนขับเปิดดูมือถือไปด้วย จึงได้บีบแตรเพื่อส่งสัญญาณว่าจะขอแซง

แต่ปรากฏว่าอยู่ๆ รถเก๋งคันดังกล่าวก็มาปาดหน้าใส่ ตนจึงใช้วิทยุสื่อสารประสานหาข้อมูลและทราบว่ารถเก๋งคันนี้เป็นรถอูเบอร์ หลังจากนั้นตนจึงลงไปพูดคุยทำความเข้าใจกับอีกฝ่ายว่า ตนบีบแตรเพียงจะขอแซงและให้ระวังเท่านั้น แต่อีกฝ่ายก็ไม่เข้าใจ กระทั่งตนพูดถึงรถอูเบอร์ที่เป็นรถไม่มีสังกัดและผิดกฎหมาย ยิ่งทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ กลายเป็นคลิปดังกล่าว

ในขณะเดียวกัน เมื่อช่วงค่ำของวันเดียวกันนั้น นายพีรพัฒน์ อายุ 27 ปี คู่กรณีอีกฝ่ายที่ขับรถอูเบอร์ ได้เข้ามาแจ้งความที่ สภ.เมืองพัทยา พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ฝ่ายตัวเองให้ฟังว่า ขณะเกิดเหตุตนขับรถไปทานข้าวตามปกติ ไม่ได้วิ่งให้บริการอูเบอร์แต่อย่างใด แต่ถูกรถแท็กซี่บีบแตรไล่ และเปิดกระจกออกมาชี้หน้าด่าทอ ตนจึงเบี่ยงชิดขวาเข้าไปจอดและลงมาพูดคุย

ก่อนที่โชเฟอร์จะมากล่าวหาว่าตนเป็นคนขับอูเบอร์ พร้อมวิทยุเรียกพรรคพวกมาสมทบอีก 4-5 คน เพื่อจะปิดล้อมรถของตนและแจ้งตำรวจ ตนจึงบอกว่าถ้าหากตนผิดจริง ก็ขอให้ถ่ายรูปหลักฐานไปให้ตำรวจ ไม่ใช่มากระทำอัทธพลปิดล้อมคนอื่นเช่นนี้ โชเฟอร์คู่กรณีจึงได้ท้าต่อยและโต้เถียงกัน ตนจึงถอดเสื้อเพราะโมโหและเดินเข้าไปหา ซึ่งก็ยอมรับผิดในอารมณ์โทสะของตัวเองด้วย

ทั้งนี้ ตนอยากให้สังคมมองว่า หากคนที่เจอเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ตนเอง แต่เป็นคนในครอบครัวถูกรถแท็กซี่มาบีบแตรไล่ หรือปิดล้อมรถ อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ส่วนคลิปวิดีโออีกคลิปที่ทางคนขับแท๊กซี่นำมาเป็นหลักฐานว่าตนขับรถอูเบอร์ไปรับนักท่องเที่ยว ตนยอมรับว่าเป็นตนเองจริง แต่เป็นคลิปเก่าตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และทันทีที่ตนทราบว่าขับรถอูเบอร์ผิดกฎหมาย ตนก็ไม่ได้ขับรถรับจ้างอีกตั้งแต่นั้นมา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook