รุมจวกขึ้นบัญชี 13 สมุนไพรไทยเป็น วัตถุอันตราย เล็งพบนายกฯ

รุมจวกขึ้นบัญชี 13 สมุนไพรไทยเป็น วัตถุอันตราย เล็งพบนายกฯ

รุมจวกขึ้นบัญชี 13 สมุนไพรไทยเป็น วัตถุอันตราย เล็งพบนายกฯ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ภาคประชาชนรวมพลังกดดัน ถอดบัญชีคุมสมุนไพร 13 ชนิด วัตถุอันตราย หวั่นชาวต่างชาติไม่เข้าใจเพราะเป็นส่วนผสมในอาหาร เตรียมพบ อภิสิทธิ์ ให้ตั้งคณะกก.สอบ ขู่ฟ้องศาลปกครอง

จากกรณีประกาศ กระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2552 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2552 กำหนดให้ผลิตภัณฑ์จากชิ้นส่วนพืชซึ่งไม่ผ่านกรรมวิธีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี 13 ชนิด ได้แก่ สะเดา ตะไคร้หอม ขมิ้นชัน ขิง ข่า ดาวเรือง สาบเสือ กากเมล็ดชา พริก ขึ้นฉ่าย ชุมเห็ดเทศ ดอกดึง และหนอนตายหยาก เป็นวัตถุอันตราย ชนิดที่ 1 บัญชี ข. ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมหาศาลให้กับสังคมไทยนั้น

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานมูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน (ประเทศไทย) น.ส.ทัศนีย์ วีระกันต์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก แถลงข่าว "เมื่อพืชอาหาร และสมุนไพร 13 ชนิดกลายเป็นวัตถุอันตราย ???" ว่าหากภายใน 7 วันนับจากนี้ไป กระทรวงอุตสาหกรรม และกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการวัตถุอันตราย ยังไม่มีการดำเนินการที่จะทบทวน หรือยกเลิกประกาศฉบับดังกล่าว หรือยังมีความพยายามเบี่ยงเบนประเด็นอยู่ ทางเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ รัฐสภา เพื่อให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีต้นตอมาจากอะไร และจะปรึกษานักกฎหมายว่าสามารถยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้หรือไม่

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการวัตถุอันตรายรายหนึ่งกล่าวว่า การออกประกาศฉบับดังกล่าวมีเงื่อนงำที่ต้องตรวจสอบหลายประเด็น โดยเฉพาะความเร่งรีบในการออกประกาศ เพราะคณะกรรมการวัตถุอันตราย มีการประชุมครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2551 ซึ่งตัวแทนจากกระทรวงสาธารณสุข ได้คัดค้านร่างประกาศฉบับนี้ และได้นัดประชุมรับฟังความเห็นจากหน่วยงานต่างๆ ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552 เพื่อสรุปเป็นครั้งสุดท้าย แต่กระทรวงอุตสาหกรรม กลับเร่งออกประกาศในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2552 โดยที่ไม่แจ้งให้กระทรวงสาธารณสุขรับทราบ

"สังคมควรตรวจสอบสายสัมพันธ์ของบุคคลทั้ง 3 คนนี้ให้ดีว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างไร ซึ่งเชื่อว่าเป็นต้นเหตุของการออกประกาศฉบับดังกล่าว โดยคนแรกเป็นข้าราชการระดับสูงอดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เป็น ส.ว. มีอักษรนำ คือ "อ" มีความสนิทสนมกับ นักการเมืองภาคอีสาน อักษรนำ "น" และทั้ง 2 คนนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบริษัทสารเคมีข้ามชาติ มีอักษรนำคือ "ม" "ห" แหล่งข่าวกล่าว

ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า ตะไคร้หอม สะเดา มีคุณสมบัติแค่ป้องกันแมลงหรือฆ่าแมลงบางชนิด พริก ข่า ก็เป็นพืชสวนครัวมีทุกบ้าน ไม่ถึงขนาดต้องประกาศให้เป็นวัตถุอันตรายก็ได้ อยากถามกลับไปถึงคนที่คิดเรื่องนี้ว่า ทำแบบนี้แล้วเกิดประโยชน์สูงสุดอะไร ถ้าชาวต่างชาติที่อยากรู้จักส่วนผสมของต้มยำแล้วไปค้นหาในอินเตอร์เน็ต พบว่า ขิง ข่า เป็นวัตถุอันตราย แล้วจะคิดอย่างไร

นายรัชดา สิงคาลวณิช อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายประกาศให้ผลิตภัณฑ์จากชิ้นส่วนพืช 13 ชนิดที่ไม่มีการผ่านกรรมวิธีที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางเคมีเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 ว่า กรมวิชาการเกษตรเสนอให้มีการใช้กฎหมายดังกล่าวมาควบคุมและกำกับดูแลพืชทั้ง 13 ชนิด ซึ่งต้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมลงนามเห็นชอบ ที่เสนอให้เป็นวัตถุอันตรายไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงอุตสาหกรรม

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook