วัดวังตะวันตก ขายรังนกได้เดือนละ 3.5 แสน เณรปลื้มลั่นยอมตาย ไม่ได้ขโมยของ
เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านอีกหลังของ 'เจ๊บิว' ผู้ต้องหาฆ่าสามเณรปลื้ม พบหลักฐานเพียงเล็กน้อย เป็นสมุดบัญชีธนาคารของลูก และใบอนุโมทนา เจ้าหน้าที่อายัดสอบ ด้านเจ้าหน้าที่ได้เปิดรายได้ขายรังนกได้เดือนละ 3.5 แสน
เมื่อวานนี้ (8 มิ.ย. 60) พ.ต.ต.วันชัย สุวรรณรัตน์ สว.สส.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ไปตรวจค้นบ้านเลขที่ 24 ซ.องครักษ์ 2 หลังตลาดท่าม้า ต.ในเมือง อ.เมืองนครศรีธรรมราช เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวสภาพเก่า ของ น.ส.ปิยฉัตร อรุณสกุล หรือ เจ๊บิว โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจค้นอยู่นานประมาณ 1 ชม. พบหลักฐานเพียงเล็กน้อย เป็นสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารของลูก น.ส.ปิยฉัตร จำนวน 2 เล่ม แต่ยอดเงินมีไม่มากนัก และใบอนุโมทนาบัตรจำนวนหลายสิบแผ่น ลงชื่อพระเด่นชัย ภูมินิยม เป็นผู้รับเงิน จึงตรวจอายัดไว้ตรวจสอบ
ขณะที่ภายในวัดวังตะวันตก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช สามเณรจากวัดสระเรียง กว่า 20 รูป เร่งพัฒนาปรับปรุงพื้นที่บริเวณลานวัดวังตะวันตก ด้านหน้าหอไตรอินทสุวรรณ จุดบริเวณที่มีการนำศพสามเณรปลื้มมาฝังไว้ โดยการนำทรายถมมาปกปิดร่องรอยพื้นผิวเดิม ให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสวยงามมากขึ้น
ต่อมาช่วงสายวานนี้ พระครูพรหมเขตคณารักษ์ รักษาการเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันขึ้นไปตรวจสอบบนชั้น 2 ของกุฏิเจ้าอาวาส เนื่องจากมีพระพุทธรูปและวัตถุโบราณของวัดจำนวนมากเก็บไว้จำนวนมาก รวมทั้งชั้น 2 มีรังนกนางแอ่นจำนวนมากอีกด้วย เพื่อทำการตรวจสอบว่าทรัพย์สินมีค่าดังกล่าวของวัดยังอยู่ครบหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อช่างกุญแจมาทำการตัดกุญแจบริเวณบันไดชั้นล่าง ก่อนขึ้นไปสำรวจพร้อมกัน โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนขึ้นตามไปทำข่าว ใช้เวลาในการสำรวจอยู่นานประมาณ 30 นาที ก่อนที่คณะจะเดินกลับลงมา
นอกจากนี้ ได้มีการเปิดเผยรายได้ของวัด ประกอบด้วย รายได้จากค่าที่จอดรถ ค่าจอดคันละ 30 บาท โดยไม่มีใบเสร็จ จะมีรถหมุนเวียนเข้า – ออก ตลอดทั้งวัน ถ้าจอดเต็มได้ประมาณ 40-50 คัน โดยยังไม่นับการหมุนเวียนเข้าออก ค่าเช่าจากแผงเช่าพระ รวมแล้วประมาณ 150,000 บาทต่อเดือน ยังไม่รวมค่าแรกเข้า ที่จะมาเช่าแผง มีค่าเข้าแผงใหญ่ 6 หมื่นบาท แผงเล็ก 3 หมื่นบาท ค่าเช่าทั้งหมดไม่มีใบเสร็จรับเงิน
รายได้อีกอย่าง คือ การขายรังนกนางแอ่น บนชั้นลอยใต้หลังคากุฏิ ขายได้ราวเดือนละ 350,000 บาท และรายได้ส่วนที่ 3 มาจากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์รอบๆ วัด เป็นอาคารพาณิชย์ที่เช่าที่จากวัด มี 84 คูหา แบ่งเป็นด้านหน้าติดถนน 49 คูหา ค่าเช่าเดือนละ 1 พันบาท และด้านหลัง 35 คูหา ค่าเช่าเดือนละ 500 บาท รวมต่อเดือน 66,500 บาท ยังไม่รวมค่าแป๊ะเจี๊ยะรายปี ที่ผู้เช่าบริจาคให้วัดอีกรายละ 5 หมื่น ถึง 1 แสนบาท ต่อปี รายได้ตรงนี้ ผู้เช่าจะจ่ายด้วยการโอนเข้าบัญชีธนาคารโดยตรง และไม่มีใบเสร็จแต่อย่างใด
ด้านพระครูสุนทร จิตตารักษ์ เจ้าอาวาสวัดวังไทร เผยว่า เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา นายศุภโชค เอกเกียรติคุณ หรือสามเณรปลื้ม ได้บวชเรียนสามเณรที่วัด หลังจบชั้น ป.6 และอาศัยอยู่ชั้นล่างของกุฏิเจ้าอาวาส โดยสามเณรปลื้มเป็นสามเณรที่มีนิสัยดีรูปหนึ่ง เป็นที่รักของพระและชาวบ้านที่มาทำบุญ ประกอบกิจของสงฆ์ตามคำสอนของพระพุทธศาสนามาโดยตลอด จากนั้นสามเณรปลื้มได้ขอลาสิขาบทเพื่อไปเรียนรำมโนราห์ ก่อนที่จะกลับมาบวชเรียนเป็นสามเณรอีกครั้ง จนกระทั่งวันที่ 31 ธ.ค. 59 ที่ผ่านมา โยมสีกาบิว ได้โทรศัพท์มาหาอาตมา ช่วงหัวค่ำและบอกอาตมาว่า สามเณรปลื้มได้ขโมยเงิน 50,000 บาท โทรศัพท์ไอโฟน สร้อยทองคำ จากนั้นโยมสีกาบิว ให้สามเณรปลื้ม คุยโทรศัพท์กับอาตมา ตอนนั้นสามเณรปลื้มกล่าวยืนยันกับอาตมาว่าไม่ได้ขโมยเงิน ไอโฟน สร้อยคอทองคำของโยมสีกาบิว
"เณรยืนยันด้วยชีวิต ว่าไม่ได้ขโมยเงินของโยมสีกาบิว เณรยอมตาย พ่อท่านช่วยกัน" นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่สามเณรทอง พูดกับอาตมา