กฎหมายอ่อนแอ หรือ แค่สันดานโฉด ย้อนรอย 5 ฆาตกรโหดฆ่าข่มขืนเด็ก
“ข่มขืนต้องประหาร” บทลงโทษที่มีการเรียกร้องให้เห็นกันจนชินตาและจะหายไปกลับสายลม แต่จะกลับมาทุกครั้งเมื่อมีเหตุการณ์ฆ่าข่มขืนโหดสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งคดีฆ่าข่มขืนเด็กไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยลงไปเลยรันแต่จะเพิ่มสถิติมากขึ้นทุกๆ ปี
ไม่รู้จริงๆว่าจิตใจของฆาตกรคิดอะไรอยู่กันแน่ถึงได้กล้าลงมือฆ่าข่มขืนเด็กที่ไม่มีทางสู้ได้ถึงเพียงนี้ เพราะกฎหมายอ่อนแอไม่เกรงกลัว หรือ เพราะเกิดจากสันดานโฉดที่แฝงมาใน DNA และพร้อมที่จะก่อเหตุทุกครั้งไป
ดังเช่นกรณีล่าสุดที่คนร้ายลงมือก่อเหตุฆ่าข่มขืนเด็กหญิงวัย 15 ปี ที่มีลักษณะคล้ายเด็กพิเศษ และนำศพมาถ่วงน้ำที่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการเพื่ออำพรางคดี โดยสภาพศพพบอวัยวะเพศมีรอยช้ำบวมและเลือดออก คาดเสียชีวิตมาแล้วอย่างน้อย 2 วัน
นับว่าเป็นคดีสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นอีกครั้งสำหรับคดีการทำอนาจารและก่อเหตุอาชญากรรมกับเด็ก ที่สำคัญนี่ไม่ใช่รายแรกเพราะที่ผ่านมามีคดีคล้ายลักษณะแบบนี้มาแล้วหลายครั้งและบางคดีศาลตัดสินโทษถึงประหารชีวิต แต่สุดท้ายแล้วอาชญากรรมก็ยังดำเนินต่อไป ย้อนดู 5 ฆาตกรโหดฆ่าข่มขืนเด็กที่พฤติการณ์โหดเหี้ยมเกินมนุษย์
คดีแรก “เกมส์ วันชัย” โจรย่ามใจนักข่มขืนบนรถไฟ
หากยังจำกันได้เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2557 เด็กหญิง วัย 13 ปี หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ขณะนั่งเดินทางโดยรถไฟ กระทั่งมาพบศพอยู่ในสภาพนอนเปลือยเปล่า ไม่สวมใส่เสื้อผ้า ทิ้งอยู่ริมป่าหญ้าข้างทางรถไฟในอำเภอปราณบุรี ซึ่งคนร้ายไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นพนักงานทำความสะอาดบนรถไฟขบวนนั้น คือ นายวันชัย หรือ เกมส์
สารภาพว่า “ตนเองเสพยาบ้าไป 3 เม็ด และดูคลิปลามก ก่อนที่จะดื่มเบียร์และก่อเหตุสุดสลด โดยใช้หมอนกดหน้าและเอามือบีบคอจนน้องสลบ ซึ่งตอนนั้นไม่รู้ว่าเด็กหญิงเสียชีวิตหรือไม่ จากนั้นได้เปิดหน้าต่างเพื่อให้เสียงภายนอกเข้ามา ก่อนที่ลงมือข่มขืน จากนั้นได้พาดร่างของเด็กหญิงไว้กับหน้าต่างรถไฟ และผลักร่างของน้องทิ้งลงกลางทาง”
ซึ่งนายวันชัยเคยก่อเหตุข่มขืนพนักงานรถไฟที่เป็นผู้หญิงมาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ไม่มีใครกล้าแจ้งความจึงย่ามใจก่อเหตุอีก สุดท้ายศาลศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งพิพากษาประหารชีวิต "เกม วันชัย"
คดีที่สอง "ไอ้หนุ่ยมหาภัยชอบตุ๋ยเด็ก"
คดีนี้ต้องยอมรับว่าเป็นภัยสังคมอย่างยิ่งเพราะมันเลือกเหยื่อที่เป็นเด็กหลอกง่าย เมื่อวันที่วันที่ 6 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมานายหนุ่ย หรือติ๊งต่าง อายุ 36 ปี ได้พาน้องการ์ตูนเด็กวัย 6 ขวบไปฆ่าข่มขืนบริเวณป่ารกร้างติดสถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง บางนา เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น.
นอกจากนี้เมื่อตรวจข้อมูลย้อนหลังพบว่าไอ้หนุ่ยเคยก่อเหตุลักษณะแบบนี้กับเหยื่อมาแล้วนับ 10 ราย ฆ่าตายมาแล้ว 4 ศพ และยังเคยติดคุกคดีพรากผู้เยาว์มาแล้วด้วย แต่พอพ้นโทษก็กลับมาก่อเหตุอีกหลายครั้ง
ดังเช่นคำสาภาพที่ไอ้หนุ่ยเคยกล่าวไว้ “เวลาเมาผมจะเกิดอารมณ์ทางเพศ ควบคุมตัวเองไม่ได้ ผมจะเลือกเหยื่ออายุประมาณ 12-13 ปี ที่เดินตามลำพัง ทำมาเยอะ แต่ที่ฆ่าคือ 4 ราย รวมทั้งน้องการ์ตูน ส่วนที่เหลือหลังข่มขืนเสร็จ ก็ปล่อยเด็กกลับบ้านไป"
สุดท้ายศาลพิพากษาประหารชีวิต แต่จำเลยรับสารภาพจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุกตลอดชีวิต
คดีที่สาม “แต๋ม ประถมพงษ์ เพื่อนบ้านหื่นฆ่ายัดท่อ”
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2557 น้องเพลง วัย 11 ปี นักเรียน ชั้น ป.6 ได้หายตัวไปจากบ้านแถววัดควนขัน อ.เมืองตรัง หลังจากนั้น 3 วันมีคนพบศพถูกยัดภายในท่อคูน้ำถนน สภาพศพเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 3 วันแล้ว
ที่สำคัญจากการตรวจสอบพบว่าฆาตกรใจเหี้ยมได้ทุบศีรษะอย่างทารุณ ก่อนจะลงมือข่มขืนอย่างโหดเหี้ยมแบบซาดิสต์วิตถารจนอวัยวะฉีกขาดไปหมด ซึ่งคนร้ายก็คือเพื่อนบ้านตัวแสบ นายประถมพงษ์ หรือ แต๋ม อายุ 36 ปี ตรวจพบปัสสาวะมีสีม่วง และมีการฝังวัตถุ(มุก)ที่อวัยวะเพศด้วย
สารภาพว่า “แอบชอบน้องเพลงมานานแล้ว และน้องเพลงยืมแผ่นซีดีกับลูกสาวของตนเองวัย 3 ขวบมาแล้วหลายครั้ง โดยวันเกิดเหตุ น้องเพลง จะเอาแผ่นซีดีไปคืน แต่ขณะนั้นในบ้านอยู่เพียงลำพัง จึงได้ลงมือข่มขืนแล้วฆ่า”
นอกจากนี้หลังจากตรวจประวัติยังพบว่าเคยก่อเหตุคดีทำอนาจาร ในพื้นที่จังหวัดตรังมาแล้ว และต่อสู้คดีจนหลุดพ้นการรับโทษมาได้ คดีนี้ว่าถือว่าคนร้ายใจเหี้ยมมากเพราะตัวเค้าเองก็มีลูกสาวแถมเป็นเพื่อนกันด้วย แต่ก็ยังกล้าก่อ สุดท้ายศาลอุทธรณ์ได้แก้คำพิพากษาลดโทษจากการตัดสินประหารชีวิต เหลือจำคุกตลอดชีวิตสถานเดียว
คดีที่สี่ “กิตติศักดิ์ พ่อซาตานเมายาบ้าข่มขืนลูก”
ช็อคสังคมอีกครั้งหลังเกิดคดีข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงวัย 8 ขวบ และยังถูกจับกรอกน้ำอัดลมผสมยาบ้าจนเกินขนาด ทำให้เกิดอาการช็อกเสียชีวิต ซึ่งผลการชันสูตรเบื้องต้นพบว่า มีร่องรอยการถูกข่มขืน, อวัยวะเพศฉีกขาด, มีเลือดออกในช่องท้อง และ ถูกล่วงละเมิดทางทวารหนักร่วมด้วย
เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ จ.ตรัง เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2559 ซึ่งคดีนี้เป็นที่สลดใจเพราะคนร้ายผู้ที่ก่อเหตุข่มขืนเด็กอย่างทารุณคือพ่อแท้ๆ ของผู้เสียชีวิตเอง ชื่อว่ากิตติศักดิ์ หรือ บ่าว อายุ 33 ปี โดยเค้าให้การปฏิเสธก่อนจะยอมจำนนด้วยผลตรวจ DNA จากคราบอสุจิที่พบจากเสื้อผ้าของเด็กตรงกับของพ่อเพียงคนเดียว
โดยสารภาพว่า “ก่อนเกิดเหตุได้มีการเสพยาบ้าก่อนจะเข้าไปนอนกับลูกสาว ซึ่งเป็นห้องนอนรวมที่ใช้นอนกันตามปกติ ด้วยฤทธิ์ของยาบ้าจึงทำให้ลงมือก่อเหตุ” คดีนี้ศาลพิพากษาให้จำคุก 21 ปี 8 เดือน
คดีสุดท้าย “ดำ รัตพล ไอ้หนุ่มเมาคลิปรัดคอฆ่าโหด”
เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2558 พบศพเด็กหญิงอิน (นามสมมุติ) อายุ 9 ขวบ ถูกคนร้ายฆ่าข่มขืน ก่อนจะนำศพไปทิ้งไว้ที่หนองน้ำใกล้หอปู่ตาในหมู่บ้าน ที่ จ.นครพนม เพื่ออำพรางคดี ซึ่งจากการชันสูตรพบว่าผู้ตายเสียชีวิตก่อนจมน้ำ และมีร่องรอยการถูกทำร้ายตามตัวหลายจุด รวมถึงอวัยวะเพศฉีกขาด
เหตุการณ์นี้สร้างความหวดผวาให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมากเพราะพฤติการณ์คนร้ายคล้ายกับพวกโรคจิตเป็นอย่างมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาเพียง 7 วันก็สามารถจับคนร้ายได้ คือ นายรัตพล หรือ ดำ อายุ 19 ปี
ให้การรับสารภาพว่า “ตนเองเพิ่งดูคลิปวิดีโอโป๊อนาจารจากโทรศัพท์มือถือ และอยู่ในอาการมึนเมาสุรา เมื่อพบเด็กหญิงขี่จักรยานผ่านมาจึงเกิดอารมณ์ทางเพศ ก่อนจะออกอุบายว่าจะพาไปใส่เบ็ดปลาที่ลำห้วย จากนั้นได้ใช้แขนรัดคอและชกหน้าท้องเด็กจนหมดสติ แล้วอุ้มไปข่มขืนที่ใต้ต้นมะเดื่อ ก่อนเด็กหญิงจะสะดุ้งไอขึ้นมาและเด็กหญิงไม่หายใจจึงกลัวความผิดเลยตัดสินใจโยนร่างทิ้งน้ำอำพรางคดี”
คดีนี้คนร้ายอายุเพียง 19 ปีเท่านั้นและก่อเหตุฆ่าข่มขืนเด็กวันเพียง 9 ขวบอย่างทารุณ เพียงเพราะอาการเมาสุราและการดูคลิปโป๊จากมือถือ
คดีฆ่าข่มขืนเด็กอย่างทารุณแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของคนร้ายที่ไม่สามารถควบคุมความต้องการของตนเองได้ ถึงแม้จะเพิ่มบทลงโทษให้หนักขึ้นก็อาจจะไม่ช่วยให้คนร้ายหวาดกลัวสักเท่าไหร่ เห็นได้จากที่แต่ละคนคนก่อคดีมาทั้งนั้น
และถ้าหากว่าความต้องการอยู่ในตัวของทุกๆคน ก็คงต้องขึ้นอยู่ที่ว่าใครจะสามารถควบคุมและแสดงออกได้ดีกว่า เพราะถ้าควบคุมไม่ได้ความโฉดที่อยู่ใน DNA คงสร้างความสูญเสียให้กับอีกหลายชีวิตที่ตามมา