หนุ่มแขวนคอตัวเอง ห้อยป้ายคับแค้นใจ ขอความเป็นธรรมที่ดินทำกิน

หนุ่มแขวนคอตัวเอง ห้อยป้ายคับแค้นใจ ขอความเป็นธรรมที่ดินทำกิน

หนุ่มแขวนคอตัวเอง ห้อยป้ายคับแค้นใจ ขอความเป็นธรรมที่ดินทำกิน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สุดสลดหนุ่มใหญ่แขวนคอตาย พร้อมห้อยป้ายตัดพ้อคับแค้บใจ ขอความเป็นธรรมเรื่องที่ดินทำกิน อีกทั้งยังสาปแช่งคู่กรณี พ่อวอนให้หน่วยงานเข้ามาพิสูจน์ตรวจสอบข้อเท็จจริง

(15 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บ้านห้วยบง ม.8 ต.ท่าสาย เกิดเหตุมีชาวบ้านในหมู่บ้านผูกคอตาย ภายในอาคารไม้ของโรงเรียนห้วยบง ซึ่งผู้ตายได้สวมเสื้อที่ตัดเย็บด้วยถุงปุ๋ยที่ทำขึ้นเอง โดยเขียนข้อความข้อความเป็นธรรมการออกโฉนดที่ดินที่ไม่เป็นธรรม

หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยังบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียวที่กำลังมีการเตรียมการประกอบพิธีทางพุทธศาสนา บ้านหลังนี้มี นายพิชัย อายุ 63 ปี เป็นเจ้าของบ้าน บรรยากาศในงานศพเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

นายพิชัย เปิดเผยว่าตนเองมีบุตรชาย 2 คน ผู้ตายเป็นบุตรคนที่สองชื่อ นายพินิจ อายุ 38 ปี อาศัยอยู่กับตนที่บ้านหลังนี้ มีอาชีพรับจ้างเป็นคนขยันขันแข็งเป็นเสาหลักของครอบครัว สาเหตุของการผูกคอตายนั้นมาจากเรื่องขอพิพาทที่ดินที่อยู่อาศัยกับแปลงนาของนางบัวคำ ที่มีเอกสารเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 3399 ที่อยู่ติดกันเพราะนายพินิจ

ผู้ตายได้เขียนข้อความตัดพ้อและขอความเป็นธรรม โดยเขียนบรรยายไว้บนเสื้อถุงปุ๋ยที่สวมใส่ในวันตาย โดยมีเนื้อหาว่า "ผมขอใช้ความตายร้องทุกข์ในการที่มีการออกโฉนดที่ดินโดยไม่ถูกต้องทั้งคนมีสีและผู้ใหญ่บ้านไม่ให้ความเป็นธรรมและชี้นำการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินที่ไม่ถูกต้อง และร้องขอความความยุติธรรม" สุดท้ายได้เขียนคำสาปแช่ง นายชัย หากกระทำสิ่งใดข้อให้เกิดแต่ความล้มเลว ไปที่ไหนก็ให้โดนโกง ลงท้ายด้วยว่า ไอ้ชาติหมา

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา นายพินิจได้ เกิดปากเสียงกับนางบัวคำ ถึงกรณีรั้วบ้านของตนเองได้สร้างรุกล้ำเข้าไปในที่นาของนางบัวคำ เป็นพื้นที่ 7 วาตามโฉนดที่ดิน จึงขอให้นายพินิจไปบอกผู้เป็นพ่อ ให้รื้อถอนรั้วดังกล่าวออกไปและให้มีการสร้างรั้วใหม่ให้อยู่ในพื้นที่ตามมุดเขตที่ดินด้วย หากไม่ดำเนินการตนเองจะแจ้งความเอาเรื่องและใช้คำสั่งศาลออกคำสั่งบังคับ การโต้เถียงเป็นไปด้วยความรุนแรง ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันไป จากนั้นไม่นาน นายพินิจ ได้ไปก่อเหตุแขวนคอตายดังกล่าว

นายพิชัย กล่าวด้วยว่า ที่ดินที่ตนเองอาศัยอยู่นั้นอยู่มานาน 36 ปี ตั้งแต่เป็น นส.3 รั้วก็ถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยนั้นไม่เคยโยกย้ายไปไหน เดิมทีที่ดินแปลงนาจำนวน 2 ไร่ 1 งาน 80 ตารางวา เป็นของนายจันทร์ พ่อของนางบัวคำ หลังผู้พ่อเสียชีวิตลงมรดกจึงตกเป็นของนางบัวคำ

ต่อมานางบัวคำได้ร้องขอให้สำนักงานที่ดินมาสำรวจรังวัดใหม่เพื่อออกโฉนด เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2558 โดยตนเองได้เซ็นยินยอมให้ดำเนินการจนการรังวัดที่ดินแล้วเสร็จและมีการออกโฉนดที่ดินฉบับใหม่แทน นส.3 เจ้าหน้าที่ได้เอามุดเขตที่ดินเข้ามาฝังในที่ดินของตนเองห่างจากรั้วเดิมกว้าง 1 เมตร กินพื้นที่ยาวจนสุดรั้วบ้าน

"สิ่งสำคัญมีชาวบ้านได้ยินการโต้เถียงระหว่างนายพินิจโต้เถียงกับคู่กรณี มีคำพูดที่มีการกล่าวหาว่าถึงวงศ์ตระกูลด้วย จึงสร้างความคับแค้นใจให้กับตนและลูกมาก ในวันเกิดเหตุตนเองออกไปทำธุระนอกบ้านกลับมาก็มาพบลูกชายกลายเป็นศพเสียชีวิตแล้ว ตนจึงขอฝากไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความเป็นธรรมในเรื่องดังกล่าวและขอให้ทางการเข้ามาดูแลทำการรังวัดออกโฉนดที่ดินทำกินให้ตนเองเพราะตนเองอยู่ที่นี้มา 36 ปี แต่ยังไม่ได้สิทธิ์ทำกินบนที่ดินของตนเองทั้งที่ทำการแก้ไขหลักเขตที่ดินให้ถูกต้อง เชื่อว่าจะช่วยให้คนตายคือนายพินิจจากไปอย่างสงบ" นายพิชัยกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook