2 หนูน้อยแม่จ่อยิงอาการยังวิกฤติ หมอยื้อสุดฤทธิ์
2 หนูน้อย ถูกแม่ใช้อาวุธปืนจ่อยิง อาการยังวิกฤติ ขณะที่แพทย์ยื้อชีวิตสุดฤทธิ์ ตำรวจตัดประเด็นสงสัย หลังพบบอกเหตุล่วงหน้า ครอบครัวจะเสียใจครั้งใหญ่
จากกรณีเหตุการณ์เศร้าสลดหลังจากปัญหาชีวิตรุมเร้าหนักจนทำให้ นางศิโรรัตน์ น้ำดอกไม้ อายุ 40 ปี ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง ด.ญ.ปภัสสร น้ำดอกไม้อายุ 9 ขวบ และ ด.ช.อภิชัย น้ำดอกไม้ อายุ 3 ขวบ 6 เดือน บุตรทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากนั้นใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันยิงตัวเองจนเสียชีวิตเหตุเกิดเมื่อ 14 ก.พ.ที่ผ่านมาที่บ้านเลขที่135 ถนนชลประทานท่าดี หมู่ 1 ต.กำแพงเซา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเบื้องต้นนั้นพบสาเหตุถึงความเครียดของนางศิโรรัตน์ จากปัญหาชีวิต ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อ 15 ก.พ.52 ร.ต.ท.บรรจง สิทธิศักดิ์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สอบพยานที่เกี่ยวข้องรวม 3 ปากพอสรุปได้ว่าปูมหลังของผู้ตายนั้นไม่มีปัญหาทั้งทางด้านการเงิน ฐานะครอบครัวไม่มีปัญหาใดๆ แต่พบว่านางศิโรรัตน์ มีความรักต่อลูกมาก ซึ่งญาติสนิทได้ยืนยันว่า 2 สัปดาห์ก่อนเกิดเหตุ นางศิโรรัตน์ได้เปรยว่า "น้องชาย พี่ชายประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทำให้ครอบครัวเสียใจมาก แต่อีกไม่นานครอบครัวจะมีการเสียใจครั้งใหญ่อีกครั้ง แต่ญาติไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนี้และเป็นจริงตามที่ระบุ คือ ทำให้ครอบครัวนี้ สูญเสียครั้งใหญ่ และเสียใจครั้งใหญ่จริงๆ
"ประเด็นที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสงสัย ในเรื่องความถนัดของมือผู้ตาย มีการสอบสวนลงลึก พบว่า ขณะเกิดเหตุผู้ตายและลูกอยู่ในห้อง และเมื่อมีการพังประตูเข้าไปหลังเกิดเหตุแล้ว ได้มีการไปหาอาวุธปืน ทำให้อาวุธปืนเคลื่อนที่ ซึ่งมีการสอบสวนและตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างชัดเจน จึงสามารถสรุปได้ว่า ผู้ตายเป็นคนก่อเหตุเองและยิงตัวเอง โดยที่ไม่มีใครเข้าไปเกี่ยวข้อง สาเหตุหลักที่เกิดเหตุ น่าเชื่อว่าเกิดความเครียดจากความซุกซนของเด็กๆ และทั้งสองพี่น้องมักจะทะเลาะวิวาทกันตามประสาเด็กบ่อยครั้ง จนทำให้นางศิโรรัตน์ เกิดความเครียดจากเรื่องนี้เท่านั้น ส่วนเรื่องครอบครัวทางฝั่งสามี ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย เช่นเดียวกับที่ทำงานของผู้ตายที่ไม่มีความขัดแย้งใดๆ ที่ทำให้นางศิโรรัตน์ เกิดความเครียดได้ ดังนั้น ประเด็นที่สงสัยว่าคนอื่นจะเข้าไปก่อเหตุนั้น จึงเป็นไปไม่ได้แล้ว " พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีกล่าว
ร. ต.ท.บรรจง สิทธิศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของบุตรชายและบุตรสาวทั้งสองคนของผู้ตายนั้นขณะนี้นับว่าอาการอยู่ใน ขั้นวิกฤติที่สุดแล้ว ซึ่งสร้างความโศกเศร้าความสลดให้กับญาติเป็นอย่างมาก ญาติหลายคนนอกจากประกอบงานบำเพ็ญกุศลศพให้กับนางศิโรรัตน์ แล้วยังต้องแบ่งเวลาไปเฝ้าดูอาการของ ด.ญ.ปภัสสร และ ด.ช.อภิชัย ซึ่งอยู่ในสภาพไม่ได้สติ
ขณะที่ นพ.สมชาย นิ้มวัฒนากุล ผอ.รพ.มหาราช นครศรีธรรมราช เปิดเผยถึงอาการล่าสุดของ ด.ญ.ปภัสสร และ ด.ช.อภิชัยว่า ในส่วนของพี่สาวคือ ด.ญ.ปภัสสร นั้น จากการติดตามล่าสุดพบว่า อาการน่าเป็นห่วงมากยังอยู่ในสภาวะวิกฤติอย่างหนัก อาการไม่ดีขึ้นเลย ไม่สามารถตอบสนองใดๆได้ สัญญาณชีพอ่อนมาก กระสุนปืนเจาะหน้าผากทะลุท้ายทอย เนื้อสมองส่วนใหญ่ตายหมดแล้ว แพทย์ได้ประคับประคองอย่างเต็มที่และดูแลจนถึงที่สุด
ส่วน ด.ช.อภิชัย หลังจากที่รับเขารักษาตัวแพทย์ได้นำตัวเข้าห้องผ่าตัดทันทันทีบาดแผลถูกยิง เข้าบริเวณหน้าผากกระสุนทะลุขมับขวาอาการแรกรับนั้นวิกฤติเช่นกัน ซึ่งหลังจากการผ่าตัดนั้น แพทย์ได้ศัลยกรรมเนื้อสมองส่วนหน้า และข้างขวาออกไปปริมาณค่อนข้างมาก ร่างกายซีกขวาตอบสนองเล็กน้อย ส่วนซีกซ้ายไม่ตอบสนอง แนวโน้มของอาการนั้นไม่ดีเลย ยอมรับว่าเด็กทั้งสองคนอยู่ในขั้นวิกฤติที่สุดแล้ว ผอ.รพมหาราช กล่าว