สิ้นลาย "จอมโจรขโมยซี่โครงหมู" ที่แท้เป็นอดีตทนายมีชื่อ

สิ้นลาย "จอมโจรขโมยซี่โครงหมู" ที่แท้เป็นอดีตทนายมีชื่อ

สิ้นลาย "จอมโจรขโมยซี่โครงหมู" ที่แท้เป็นอดีตทนายมีชื่อ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตำรวจบุกควบตัว "จอมโจรขโมยซี่โครงหมู" หลังอาละวาดออกขโมยวัตถุดิบอาหารไปจากแฮนด์รถจักรยานยนต์แม่ค้า เบื้องต้นรับสารภาพ แต่ไม่ยอมเซ็นรับข้อหา อ้างเป็นกรณีเจรจาตกลงยอมความกันได้

จากกรณีที่ นางมาลี อายุ 54 ปี ลูกจ้างร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ว่าถูกคนร้ายสวมหมวกกันน๊อคปิดบังใบหน้า ใช้รถจักรยานยนต์ขับขี่เข้ามาขโมยซี่โครงหมู 5 กิโลกรัม และขนมหวาน มูลค่ากว่า 1 พันบาท ที่ใส่ถุงแขวนไว้ที่แฮนด์รถจักรยานยนต์ไป ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกพฤติกรรมของคนร้ายไว้ได้ ตามที่ได้มีการเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น

ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (20 มิ.ย.) พ.ต.ท.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนในสังกัด ร่วมกันนำตัว นายสุรเดช อายุ 61 ปี อดีตทนายความชื่อดัง มาสอบปากคำที่โรงพัก หลังได้รับเบาะแสกับพลเมืองดีว่า นายสุรเดช คือผู้ที่ก่อเหตุขโมยของจากรถของนางมาลีผู้เสียหายที่มาแจ้งความไว้

นอกจากนี้ยังพบว่าเคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกันมาแล้วหลายครั้ง ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้นำตัวมาจากบ้านพักพร้อมกับได้มีการเชิญตัวนางมาลี รวมถึงผู้เสียหายรายอื่นที่เคยถูกขโมยของหน้ารถมาดูตัว เพื่อแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมด้วย ส่วน นายสุรเดช ผู้ถูกกล่าวหา ยอมให้การรับสารภาพ แต่กลับไม่ยอมเซ็นต์รับทราบข้อกล่าวหาแต่อย่างใด โดยอ้างว่าจะขอชดใช้ค่าเสียหายกับเจ้าทุกข์เอง

จากการสืบสวนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่า นายสุรเดช อดีตเคยเป็นทนายความชื่อดัง รู้จักคนกว้างขวาง แต่ภายหลังถูกยึดใบอนุญาตวิชาชีพ เนื่องจากเคยไปก่อเหตุกรรโชกทรัพย์ และปัจจุบันไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง ส่วนสาเหตุที่ต้องขโมย นายสุรเดชยังไม่ยอมให้การใดๆ มีเพียงแต่บอกว่า ส่วนใหญ่จะขโมยกับข้าวและวัตถุดิบที่ใช้ประกอบอาหาร นำไปให้เพื่อนทำกับข้าวเลี้ยงสังสรรค์กันในวงเหล้า

ในเวลาต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการอนุมัติหมายศาลทำการขอค้นบ้านของนายสุรเดช พบรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุจอดอยู่ที่หน้าบ้าน ในสภาพถูกล่ามโซ่ไว้และภายในบ้า พบหมวกกันน๊อค 3 ใบ จึงได้เอาของกลางที่พบทั้งหมดนำไปประกอบหลักฐานส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฏหมายขั้นตอนต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook