แฉกลโกงมาเหนือเมฆ แก๊งหลอกโอนเงิน

มิจฉาชีพย่อมหาเล่ห์เหลี่ยมกลโกงมาเอาเปรียบผู้อื่นอยู่เสมอ แถมกลโกงที่นำมาล่อหลอกต่างๆนาๆ ถูกปรับเปลี่ยนวิธีการให้มาแบบเหนือเมฆยากที่จะคาดเดาดังเช่นกรณีนี้ที่เป็นอุทาหรณ์เตือนใครหลายๆคน

จากกรณีหนุ่มวัยเบญจเพสถูกหลอกโอนเงินกว่า 100,0000 บาท ถึงแม้จะมาทีหลังว่าถูกหลอกหลังโอนเงินทั้งหมด แต่ก็ไม่สามารถระงับธุรกรรมได้ทันเวลา

ซึ่งแก๊งนี้ใช้วิธีการโทรเข้ามาหาเหยื่อแล้วอ้างว่ามีพัสดุตกค้างแล้วให้บอกชื่อกับหมายเลขบัตรประชาชน จากนั้นแจ้งว่าภายในพัสดุดังกล่าวเป็นเงินสดพร้อมสมุดบัญชีธนาคารอีกจำนวนหนึ่งซึ่งมีชื่อเราและมีความผิดตาม พ.ร.บ.ไปรษณีย์ไทย

จากนั้นได้โอนสายให้คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยแจ้งชื่อพร้อมยศจริงที่สามารถค้นหาข้อมูลได้ และเบอร์ที่โชว์ในเครื่องเราจะตรงกับเบอร์หน่วยงานตำรวจของท้องที่นั้นๆ ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้น

หลักจากนั้นตำรวจปลอมคนนี้จะแจ้งว่าพัสดุที่ส่งจากเราไปนั้นพัวพันกับยาเสพติดและการฟอกเงิน เพื่อความบริสุทธิ์ใจจึงขอตรวจสอบบัญชีของคุณ โดยหลอกว่าการตรวจสอบนี้ต้องให้แบงค์ชาติระงับบัญชีทั้งหมดที่มีแล้วทำการตรวจสอบ ซึ่งจะกินเวลานานมาก และจะไม่สามารถทำธุรกรรมใดๆได้เลย

เมื่อเหยื่อตกหลุมพรางก็จะนำเสนอทางช่วยเหลือ โดยอ้างว่าจะให้ตำรวจชุดสืบสวนร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย นำเงินของเหยื่อมาตรวจสอบหมายเลขบนธนบัตร ซึ่งเหยื่อจะต้องโยกย้ายทรัพย์สินไปอีกที่หนึ่ง โดยให้ถอนเงินออกมาจากบัญชีทั้งหมดแล้วนำไปหย่อนใส่ตู้เงินฝากอัตโนมัติ ระหว่างนี้มิจฉาชีพจะให้เปลี่ยนสายให้คุยทางตำรวจปลอมที่มียศใหญ่กว่า

ซึ่งหลังจากที่เหยื่อนำเงินหย่อนเข้าตู้เงินฝากทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ก็จะบอกให้เหยื่อให้ฉีกสลิปการโอนทิ้งเพื่อความปลอดภัย และกระบวนการนี้อยู่ในชั้นสืบสวนจึงห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกใคร นอกจากนี้ยังแจ้งอีกว่าธุรกรรมทางการเงินจะไม่สามารถทำได้ภายใน 2-3 วัน ก่อนวางสายไป

หากนำมาวิเคราะห์เล่เหลี่ยมกลโกงของแก๊งหลอกโอนเงินจะพบว่ามรการอ้างชื่อนายตำรวจยศใหญ่เพื่อสร้างความน่าถือและมีการสร้างเรื่องราวที่มีความเป็นไปได้ด้วย เช่น การส่งพัสดุที่ใช้ชื่อเราและคดียาเสพติดกับการฟอกเงิน

ซึ่งแก๊งนี้จะโทรสุ่มเข้ามาเครื่องของเราโดยใช้โทรศัพท์แบบวีโอไอพี (VoIP) คือเป็นการสื่อสารทางเสียงผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต โดยระบบโทรศัพท์แบบนี้สามารถตั้งหมายเลขปลายสายให้โชว์เบอร์อะไรก็ได้ทำให้เหยื่อหลายคนหลงเชื่อเพราะเบอร์ที่โทรเข้ามาจะตรงกับหน่วยงานนั้นๆ

นอกจากนี้แก๊งมิจฉาชีพดังกล่าวได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์โดยการให้เหยื่อถอนเงินออกทั้งหมดแล้วนำธนบัตรมาหย่อนลงตู้เงินฝากอัตโนมัติ เพื่อเป็นการเลี่ยงการตรวจสอบหมายเลขบัญชีปลายทาง เพราะหลังจากที่ได้สลิปจากการทำธุรกรรมแล้วแก๊งนี้จะให้เหยื่อฉีกหลักฐานทิ้ง ทำให้ผู้เสียหายไม่มีหลักฐานในการทำธุรกรรมนั้นๆ

เวลาไปแจ้งความหรือแจ้งธนาคารทำให้ยากต่อการสืบหาต้นตอ เนื่องจากว่าหลักฐานที่มีนั้นถูกทำลายลงไปแล้ว และถึงแม้จะรู้เลขบัญชีจริงก็อาจจะเป็นบัญชีที่ถูกหลอกให้เปิดไว้นำมาก่อเหตุลักษณะเช่นนี้ก็ได้

ซึ่งวิธีสังเกตการถูกหลอกหรือตกเป็นเหยื่อแก๊งนี้ให้พึงระลึกไว้เสมอว่าหากมีคนโทรมาขอชื่อและเลขบัตรประชาชนนั้น ต้องสงสัยไว้ก่อนแล้วว่าอาจจะมีความไม่ชอบมาพากลแน่ๆ และไปรษณีย์ไทยไม่มีนโยบายการเรียกเก็บเงินผ่านบัญชีธนาคารเพื่อนำพัสดุออกจากที่ทำการไปรษณีย์ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น

นอกจากนี้ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินยังได้มาเตือนย้ำเตือนอีกว่าทางหน่วยงานไม่มีข้าราชการ ปปง. โทรหาประชาชนให้โอนเงินหรือทำธุรกิจกรรมทางการเงินเด็ดขาด

ถึงแม้ว่าเรื่องราวการหลอกลวงของแก๊งมิจฉาชีพพวกนี้จะยังดำเนินอยู่ต่อไปเรื่อยๆ หากเรามีสติและช่างสังเกต พยายามเรียนรู้อยู่เสมอก็อาจจะช่วยให้รอดพ้นกลโกงเหนือเมฆของแก็งหลอกโอนเงินได้