ส่งทีมตรวจรง.ผลิตนมโรงเรียน อย.ขู่จับได้อ่วมเจอทั้งคุก-ปรับ
เลขาธิการ อย.ส่งทีมลุยตรวจโรงงานผลิตนมโรงเรียนทั่วประเทศ ย้ำเอานมผงผสมน้ำให้เด็กดื่มเข้าข่ายผลิตอาหารปลอม ขู่จับได้อ่วมแน่ เจอทั้งคุก-ปรับ นายกเล็กพะโต๊ะเผยได้รับร้องเรียนนานแล้ว แต่เปลี่ยนบริษัทไม่ได้ เหตุคำสั่งมหาดไทยล็อกสเปก
(16ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายสุธรรม นทีทอง เลขานุการรมว.ศึกษาธิการ ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่าคำสั่งกระทรวงมหาด ไทยที่ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จัดซื้อนมโครงการนมโรงเรียน อาจมีขบวนการทุจริต โดยได้รับการร้องเรียนจากนายบรรยงค์ ณธรรมะ ผู้อำนวยการโรงเรียนปากเลข อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร ว่า นักเรียนของโรงเรียนไม่ยอมดื่มนมในโครงการดังกล่าวที่รัฐนำมาแจก โดยอ้างว่านมไม่มีคุณภาพและตั้งข้อสังเกตว่า อาจนำหางนมมาผสมน้ำบรรจุถุงให้นักเรียนดื่ม
ล่าสุดวันนี้นายสุธรรมเตรียมนำตัวอย่างนมโรงเรียนที่ไม่ได้มาตรฐานไปให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ รวมทั้งประสานกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพราะอำนาจการจัดซื้อนมเป็นของ อปท. พร้อมทั้งเตรียมนำตัวอย่างนมให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจสอบว่าผ่านการรับรองจาก อย.จริงหรือไม่ ทั้งนี้ นายสุธรรมตั้งข้อสังเกตว่า โครงการนมโรงเรียนอาจมีขบวนการเช่นเดียวกับกรณีชุดนักเรียน ที่มีกลุ่มคนเข้ามาติดต่อขอให้ใช้ชุดนักเรียนตามมาตรฐาน มอก. และคาดว่าจะเกี่ยวข้องกับนักการเมืองในรัฐบาลชุดก่อน ซึ่งกำลังตรวจสอบ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นนักการเมืองระดับใด
นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการ อย.ให้สัมภาษณ์ถึงขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพการตรวจสอบนมในโครงการนมโรงเรียน ที่ อ.พะโต๊ะ ว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ อย.ไปตรวจสอบแล้ว คาดว่าจะทราบผลว่าเป็นนมด้อยคุณภาพหรือไม่ นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือทุกจังหวัดทั่วประเทศที่มีโรงงานผลิตนมจำหน่ายให้โครงการนมโรงเรียน เพื่อเข้าตรวจสอบคุณภาพกระบวนการผลิตร่วมกับเจ้าหน้าที่ อย. และเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์
"โดยหลักการ มาตรฐานนมโรงเรียนที่รัฐกำหนดสเปกไว้ ไม่ว่าจะเป็นนมพาสเจอไรซ์ หรือนมยูเอชที จะต้องเป็นนมสดเท่านั้น ห้ามนำนมผงมาผสมน้ำให้เด็กดื่มเด็ดขาด ถ้าผิดเงื่อนไขดังกล่าวผู้ประกอบการจะเข้าข่ายผลิตอาหารปลอม มีโทษจำคุก 6 เดือน ถึง 1 ปี ปรับเป็นเงิน 5,000 ถึง 1 แสนบาท ส่วนกรณีที่พบว่านมที่ผลิตมีกลิ่นหรือบูด ก็จะถูกดำเนินคดีเช่นกัน นอกจากนี้ยังกำชับไม่ให้ผู้ผลิตไม่แต่งสีแต่งรส เพราะโดยหลักการไม่ต้องการให้เด็กกินหวานเกินไป" นพ.พิพัฒน์กล่าว
ด้าน นายธนยศ พราหมนาเวศ นายกเทศมนตรีตำบลพะโต๊ะ กล่าวว่า นมที่ซื้อแจกนักเรียนในพื้นที่ อ.พะโต๊ะ มีการจัดซื้อตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย โดยซื้อจากบริษัทเอกชน 2 ราย ที่ผ่านมาเคยได้รับการร้องจากโรงเรียนเรื่องคุณภาพไม่ได้มาตรฐาน และพยายามจะเปลี่ยนไปซื้อนมจากแหล่งอื่น ซึ่งจำหน่ายในท้องตลาด แต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากขัดต่อคำสั่งของกระทรวงมหาดไทย
ส่วน นายเสริมศักดิ์ ดิษฐปาน ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ชุมพร เขต 2 ดูแลรับผิดชอบสถานศึกษารัฐและเอกชนในพื้นที่ อ.พะโต๊ะ กล่าวว่า ปัจจุบันนักเรียนชั้นอนุบาล-ป.4 ได้รับแจกนมกล่องจาก อปท.เป็นเวลา 200 วัน โดยได้รับนมรสจืดวันละ 1 ถุงหรือกล่อง ทั้งนี้ รัฐจัดสรรงบนมโรงเรียนให้เด็กคนละ 6 บาทต่อวัน โดยราคานมจริงๆ อยู่ที่ 3-4 บาทต่อถุงหรือกล่อง อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาพบว่าเด็กส่วนใหญ่ไม่ชอบดื่มนมโรงเรียน เพราะมีรสชาติจืด ทำให้มีนมโรงเรียนเหลือจำนวนมาก ทางโรงเรียนจึงพยายามแจกจ่ายให้แก่เด็กที่ชอบดื่มนมโรงเรียนนำไปดื่มที่บ้านให้หมดอีกคนละ 1-2 ถุง จะได้ไม่ต้องทิ้ง เพราะโรงเรียนไม่สามารถนำไปใช้ทำขนมหรือนำไปขายได้ เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการทุจริตนมเด็ก
ผอ.สพท.ชุมพร เขต 2 กล่าวอีกว่า ส่วนคุณภาพนมรสจืดนั้น ครูแต่ละโรงเรียนไม่สามารถบอกได้ว่านมโรงเรียนมีคุณภาพสูงหรือต่ำ เพราะไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ จึงตรวจสอบไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อรถส่งนมมาส่งทางโรงเรียนก็รับนมไว้ โดยไม่รู้ว่าเป็นยี่ห้ออะไร เพราะ อปท.เป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อ โดยโรงเรียนจะดูวันหมดอายุของนมโรงเรียน เพื่อป้องกันเด็กกินนมบูด
"ส่วนปัญหานมโรงเรียนนั้น คงต้องให้รัฐบาลเข้ามาดูแล รวมทั้งต้องให้ อย.เข้ามาตรวจสอบคุณภาพนมโรงเรียนว่าได้มาตรฐานหรือไม่ ส่วนกรณีที่มีการระบุว่าการจัดซื้อนมโรงเรียนมีการล็อกสเปกนั้น คิดว่าควรให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้ามาตรวจสอบในเรื่องนี้" นายเสริมศักดิ์กล่าว
แหล่งข่าวระดับสูงจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กล่าวว่า งบประมาณอาหารเสริม (นม) โรงเรียนและการจัดซื้อนมอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กระทรวงมหาดไทย และ อปท. ทั่วประเทศ ส่วน สพฐ.มีหน้าที่แค่รับนมมาแจกจ่ายให้แก่นักเรียน ทั้งนี้ สพฐ.ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับปัญหานมโรงเรียน เพราะขอให้โรงเรียนร้องเรียนปัญหาไปยัง สถ.ที่ดูแลโดยตรง เพื่อจะได้รับการแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง