ชาโน เล่าไปยิ้มไป เปิดประสบการณ์รั้วของชาติ กับฝันที่ขัดใจพ่อ

ชาโน เล่าไปยิ้มไป เปิดประสบการณ์รั้วของชาติ กับฝันที่ขัดใจพ่อ

ชาโน เล่าไปยิ้มไป เปิดประสบการณ์รั้วของชาติ กับฝันที่ขัดใจพ่อ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

"ชาโน แพมเบอร์เกอร์" นักแสดงลูกครึ่งแต่พกพาความรักชาติมาแบบจัดเต็ม ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นกระแสฮือฮาพอสมควรเมื่อเจ้าตัวประกาศสมัครเข้าเป็นทหารบกด้วยตัวเอง อีกทั้งพอดูประวัติหนุ่มชาโนเองก็ยังเคยสมัครเป็นทหารพรานลงพื้นที่ดูแลสามจังหวัดภายแดนภาคใต้เมื่อ 3 ปีที่แล้วอีกด้วย

ล่าสุดเมื่อ ชาโน แพมเบอร์เกอร์ ได้ปลดประจำการจากการเป็นทหารเมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา ทาง Sanook! News จึงมีโอกาสได้พูดคุยแบบเปิดอกถึงชีวิตในรั้วทหาร ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่าการสมัครเป็นทหารตามความฝันที่ผ่านมานั้นไม่ได้ราบรื่นเท่าไหร่ เพราะต้องขัดใจคุณพ่อ ทำให้คุณพ่อไม่ยอมคุยด้วยนานถึง 3 เดือน

01

“ล่าสุดผมเป็นทหารอยู่กองพลทหารราบที่ 11 ก็เป็นกองทัพบกที่ผมสมัครไปครับ 1 ปีที่ผ่านมาผมค่อนข้างเต็มอิ่มนะ ตั้งแต่การฝึกจากพลเรือนมาเป็นทหารต้องฝึกในเรื่องของการมีวินัย และเข้าสู่วิชาทหารบกตามหลักสูตร ค่อนข้างจะได้อะไรมากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปฏิบัติภารกิจต่างๆ ซึ่งประสบการณ์เหล่านี้ผมไม่สามารถหาได้จากข้างนอก”

“ยกตัวอย่างเช่น ภารกิจที่ผมไปตีกลองชนะประโคมให้กับในหลวงรัชกาลที่ 9 ผมภูมิใจมากครับที่ได้ไปทำหน้าที่ตรงนั้น เพราะที่ผ่านมาผมจะได้เห็นแต่ในละคร แต่ครั้งนี้เราได้เป็นทหารและได้ไปทำหน้าที่ตรงนั้นจริงๆ ผมรู้สึกเป็นเกรียติและภูมิใจอย่างยิ่ง แต่ในวันนั้นผมก็ไม่อยากดีใจครับ เพราะมันเป็นวันที่ต้องสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และผลัดทหารของผมก็เป็น ผลัด 1/59 ซึ่งเป็นผลัดสุดท้ายของรัชกาลที่ 9 ครับ วันที่ได้ไปยืนตอนนั้นความรู้สึกผมน้ำตาคลอเบ้าเลยครับ ทหารทุกคนที่ไปปฏิบัติหน้าที่ ณ ตอนนั้น อยู่ในความโศกเศร้าและน้ำตาคลอเบ้ากันทุกคนเลยครับ”

05

ความผูกพันกับการเป็นทหารมากแค่ไหน ?
“ผูกพันค่อนข้างมากครับ เพราะการเข้าไปเป็นทหารมันไม่ใช่แค่เป็นอาชีพอาชีพหนึ่ง แต่มันเป็นอีกครอบครัว ครอบครัวหนึ่งที่เราอยู่ด้วยกันตลอดเกือบ 24 ชั่วโมง เป็นมากกว่าคำว่าเพื่อนที่เราต่างดูแลซึ่งกันและกัน”

เพราะอะไรเราถึงตั้งใจอยากจะเป็นทหารมาก ?
“ด้วยความชื่นชอบและความหลงใหลในอาชีพนี้มาตั้งแต่เด็ก ทหาร ตำรวจ อะไรแบบนี้ จริงๆ ก่อนหน้านี้ผมสมัครเข้าเป็นตำรวจ แต่คุณพ่อผมท่านไม่ยอม ซึ่งผมก็ยังดื้อ แอบไปสมัครเป็นทหารพรานเมื่อปี 57 ได้ลงไปอยู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากนั้นปี 59 ผมก็สมัครมาอยู่ทหารกองทัพบกโดยตรง มันเป็นอาชีพที่น่าภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ ด้วยความที่เรามีอุดมการณ์อยากจะช่วยเหลือผู้คน พอเราได้สัมผัสและลิ้มลองอาชีพนี้ก็รู้สึกภูมิใจครับ”

02

ทำไมตอนนั้นถึงตัดสินใจไปอยู่สามจังหวัดภายแดนภาคใต้ ?
“ด้วยอุดมการณ์และความตั้งใจที่อยากจะไปช่วยเหลือผู้คนที่อยู่สามจังหวัดภายแดนภาคใต้ มันจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เกิดเหตุการณ์คาร์บอม และผมมีโอกาสได้ไปร่วมงานกับทางช่อง 3 ได้ไปร่วมกิจกรรมจัดคอนเสิร์ตเพื่อให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ ซึ่งตอนนั้นผมเห็นก็ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ อยากที่จะสมัครไปเป็นทหาร อีกอย่างผมได้เห็นพวกพี่ๆ ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเต็มใจ ทุ่มเททั้งกายใจ เพื่อจะปกป้องพื้นแผ่นดินและคนในพื้นที่ที่อยู่ตรงนั้นครับ”

“ถ้าถามว่ามีแอบกลัวบ้างไหม คืออย่างผมตั้งใจอยู่แล้วครับ เลยไม่ได้กลัวอะไร แต่ผมจะกลัวว่าคนในพื้นที่นั้นจะได้รับอันตราย จะได้รับบาดเจ็บ มีการสูญเสียเกิดขึ้น ผมกลัวเผื่อจะไม่ให้ใช้ชีวิตโดยประมาททั้งชีวิตตัวเองและชีวิตเพื่อนทหารในทีมครับ ความเป็นอยู่ของประชาชน การเดินทางสัญจรไปมามันไม่ได้ไปลอดภัยเหมือนเราอยู่ในกรุงเทพฯ นะ”

ระหว่างการเป็นทหารพรานกับทหารบกมันแตกต่างกันมากไหม ?
“ทหารพรานจะเป็นหน่อยเฉพาะกิจที่จะได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติในพื้นที่ชายแดน เป็นหน่วยที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับกองทัพบก เป็นหน่วยสำคัญ เป็นหน่วยหลักเหมือนกันที่จะป้องกัน ปราบปรามต่างๆ แต่ถ้าถามว่ามีความแตกต่างไหม มันจะแตกต่างกันตามภารกิจไป ความรับผิดชอบของแต่ละหน้าที่จะแล้วแต่ผู้บังคับบัญชามอบหมายหน้าที่ให้ครับ”

ตอนนี้ฝึกจบแล้ว อยากจะต่อยอดการเป็นทหารอย่างจริงจังเลยไหม ?
“ผมตั้งใจจะต่อยอดอยู่แล้ว แต่ด้วยทางบ้านที่พ่อผมเป็นเจ้าของธุรกิจทำเกี่ยวกับอาหารสัตว์ เขาก็เริ่มไม่ไหวแล้ว อยากให้ผมมาสานต่อ และยังอยากให้ทำงานในวงการบันเทิงด้วยครับ”

00

แสดงว่าการอยากเป็นทหารค่อนข้างจะขัดใจกับทางบ้านอยู่ไม่น้อย ?
“ขัดใจค่อนข้างมากครับ เพราะตอนแรกที่ผมสมัครเป็นตำรวจก่อนที่จะเป็นทหารพรานจะขัดใจคุณพ่อเป็นอย่างยิ่ง คุณพ่อบอกว่าถ้าไปฝึกจะไม่คุยด้วย ซึ่งผมเองก็ดื้อแอบไปสมัครเป็นทหารพรานอย่างที่ว่า แต่หลังๆ มาพ่อเหมือนเริ่มเปิดใจนะ เพราะได้เห็นสิ่งที่เราตั้งใจและเห็นสิ่งที่เราทำ เป็นครั้งแรกเลยครับที่ผมทำให้พ่อพูดคำว่า ‘พ่อภูมิใจในตัวลูกนะ’ ในวันที่ผมปลดเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2560 ตอนนั้นผมน้ำตาร่วงมาก เพราะพ่อไม่เคยพูดกับผมแบบนี้ ผมไม่เคยได้ยินคำนี้จากพ่อ ผมได้ยินคำนั้นเป็นครั้งแรก”

ระยะเวลาความไม่เข้าใจระหว่างพ่อกับเราในการอยากเป็นทหารนั้นนานแค่ไหน ?
“ตอนสมัครไปเป็นทหารพรานอยู่สามจังหวัดภายแดนภาคใต้ 3 เดือนครับที่คุณพ่อไม่คุยกับผม แต่ผมจะคอยส่งรูปผมไปให้คุณพ่ออยู่เสมอว่าผมปลอดภัยดีนะ จนคุณพ่อเริ่มเปิดใจทักตอบกลับมาว่าสบายดีไหม ปลอดภัยไหม อยากให้กลับมาเยี่ยมที่บ้านบ้าง พอได้เจอพ่อตอนกลับไปครั้งแรกน้ำตาคลอเบ้าเลยครับ (ยิ้ม) ก็ได้กอดคุณพ่อ ทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้นครับ เราก็อยากจะทำในสิ่งที่เราทำให้คุณพ่อภูมิใจสักครั้งในชีวิต เพราะคุณพ่อผมก็รักประเทศไทยและรักในหลวงมากๆ”

04

มีอะไรอยากจะฝากบอกกับเยาวชนที่กลัวการเป็นทหารไหม ?
“ผมอยากจะฝากบอกเยาวชนที่มีความกลัว หรือจะเป็นแบบกึ่งๆ กลางๆ จะเป็นดีไหม หรือไม่เป็นดี แต่ผมอยากจะบอกว่าสมัครเถอะครับ สักครั้งหนึ่งในชีวิตได้มาปฏิบัติหน้าที่ ได้มาลิ้มลองและทำหน้าที่ของลูกผู้ชายตรงนี้ ผมว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิตเป็นสิ่งที่หน้าภูมิใจครับถ้าได้ลองตรงนี้”

อัลบั้มภาพ 19 ภาพ

อัลบั้มภาพ 19 ภาพ ของ ชาโน เล่าไปยิ้มไป เปิดประสบการณ์รั้วของชาติ กับฝันที่ขัดใจพ่อ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook