วงการผ้าเหลืองร้อน พระมั่วสีกาในโรงแรม อีกรายตั้งแก๊งค้ายาบ้า

วงการผ้าเหลืองร้อน พระมั่วสีกาในโรงแรม อีกรายตั้งแก๊งค้ายาบ้า

วงการผ้าเหลืองร้อน พระมั่วสีกาในโรงแรม อีกรายตั้งแก๊งค้ายาบ้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ระยะนี้มีข่าวอื้อฉาวเกิดขึ้นในวงการผ้าเหลืองบ่อยครั้ง ไม่นานมานี้มีเรื่องงามหน้าของคนห่มเหลืองเกิดขึ้นถึง 2 รายด้วยกัน รายแรก เป็นการจับสึกโล้นห่มเหลืองเมืองน่าน เป็นพระระดับเจ้าอาวาส และเลขาฯ เจ้าคณะตำบล ที่ยังไม่ละกิเลส พาสาวเข้าไปเสพสุขในโรงแรมตอน กลางวัน ชาวบ้านเห็นเข้าจึงสุดทนสะกิดตำรวจเข้าไปตรวจค้นจับสึกในทันควัน ส่วนอีกรายเกิดขึ้นที่ จ.เลย เป็นการจับสึกพระนอกรีตที่หันมาค้ายาบ้ามันเสียอย่างนั้น

สะเทือนใจชาวพุทธไปตามๆ กัน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมากมาย ว่าคนเป็น "พระ" นุ่งห่มเหลืองไม่น่าทำได้ ก่อนหน้านี้ก็มีกรณีอื้อฉาวเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ "เจ๊ดาว" พระมีนมที่เล่นเอาตะลึงกันไปพักใหญ่ ไปจนถึงเรื่องพระตุ๊ด เณร แต๋วที่ดูแล้วชวนหดหู่ใจ

พุทธศาสนาตกต่ำก็เพราะคนแบบนี้!!?

ย้อนไปดูเหตุสะเทือนใจชาวพุทธเกิดขึ้น ตอนสายวันที่ 12 ก.พ. ตำรวจ สภ.เมืองน่าน รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีพระภิกษุแอบพาสีกาไปเสพสุข ภายในห้องพักหมายเลข 207 โรงแรมน่านฟ้า ซึ่งเป็นโรงแรมดังตั้งอยู่กลางเมืองน่าน พ.ต.ท.สมศักดิ์ ผิวสลิด สว.สส.สภ.เมืองน่าน ร.ต.ท.พิชัย บังเมฆ รอง สว.สส.ฯ จึงนำกำลังไปตรวจสอบทันที

เมื่อไปถึงก็พบว่าเป็นเรื่องจริง ตำรวจจึงวางแผนให้แม่บ้านไปเคาะประตูทำทีส่งอาหาร ระหว่างนั้นได้มีชายศีรษะโล้น นุ่งผ้าเช็ดตัวสีขาวแง้มประตูออกมา เจ้าหน้าที่จึงผลักประตูเข้าไป ภาพที่เห็นสุดอนาถใจ เมื่อพบหญิงสาวนอนเปลือยกายอยู่ใต้ผ้า ห่มมีจีวรวางพาดไว้ เมื่อทั้งคู่เห็นตำรวจก็ตาเหลือกยิ่งกว่าเห็นผี พยายามวิ่งกระโจนหลบหนีไปทันที แต่ก็หนีไปไหนไม่ได้เพราะห้องแคบแค่นี้ โดยฝ่ายหญิงได้เข้าไปแอบในห้องน้ำ ล็อกประตูไว้อย่างแน่นหนา ไม่ยอมเปิดแม้ตำรวจจะพยายามเจรจาให้ออกมาแต่โดยดี

ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเจรจาอยู่พักใหญ่ เธอจึงยอมเปิดประตูออกมา แต่ก็ยังไม่วายที่จะพยายามวิ่งหนี ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องไล่จับกันอย่างชุลมุนอยู่พักใหญ่จึงควบคุมตัวทั้งคู่ไว้ได้

งานนี้ตำรวจไม่มีข้อหาอะไรจะดำเนินคดีกับคนทั้งสอง เนื่องจากฝ่ายหญิงมีอายุ 27 ปีแล้ว และก็ไม่ได้มีการค้าประเวณีแต่อย่างใด โดยฝ่ายหญิงให้การว่า เป็นเด็กอยู่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองน่าน ที่ยอมมากับพระเพราะพระบอกจะให้เงินใช้ เลยยอมมาเพราะอยากได้เงิน ซึ่งหลวงพ่อให้เงินไว้ใช้ 4 พันบาท

หลังจากนั้นตำรวจจึงปล่อยตัวไป พร้อมว่ากล่าวตักเตือน

ส่วนพระก็โดนสึกตามระเบียบ

ทางด้านโล้นแสบ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานใบสุทธิที่พกติดตัวไว้ ทราบชื่อคือพระบุญตัน เขยตุ้ย บวชมาแล้ว 28 พรรษา เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ไทร ต.ยม อ.ท่าวังผา จ.น่าน และยังเป็นเลขาฯ เจ้าคณะตำบลยมอีกด้วย จึงอายัดตัวไว้ เพราะถึงแม้ไม่ผิดกฎหมาย

แต่ผิดวินัยสงฆ์ขั้นร้ายแรงจึงนำตัวมา สอบสวนที่โรงพักเมืองน่าน

พระบุญตันให้การว่า ขณะบวชอยู่วัดเป็นผู้ที่มีความสนใจเรื่องเทคโนโลยี จนมีความชำนาญด้านคอมพิวเตอร์ ชอบเล่นแช็ตคุยกับสาวๆ ทางอินเตอร์เน็ต โดยรู้จักและติดต่อกันทางโทรศัพท์ และส่งเอสเอ็มเอสหากันบ่อยๆ จนได้รู้จักกับหญิงสาวคนดังกล่าวซึ่งเป็นชาว อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน ทำงานอยู่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง จากนั้นได้แช็ตและโทรศัพท์จีบกันเรื่อยมา จนกระทั่งเช้าวันนี้ได้นัดหมายหญิงสาวมาที่โรงแรมดังกล่าว โดยได้กดเงินจากตู้เอทีเอ็มให้หญิงสาว 4,000 บาท ก่อนจะมีความสัมพันธ์ทางเพศร่วมกันจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง แล้วที่นอนรอเวลาเพื่อจะต่ออีกรอบ ก็มีตำรวจมาจับกุมดังกล่าว

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวพระบุญตัน ไปให้พระธรรมโสภณ เจ้าคณะจังหวัดน่าน ทำพิธีสึก ซึ่งงานนี้พระธรรมโสภณ เจ้าคณะจังหวัดน่าน ฝากเตือนถึงพี่น้องประชาชนทั่วไป ให้ช่วยกันดูแลจรรโลงพระศาสนาให้ดี เนื่องจากทุกวันนี้สิ่งต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงไป ความเจริญมีมากขึ้น พระสงฆ์ที่หลงใหลกับสิ่งอบายมุขก็ยังมีอยู่ เพียงแต่ยังไม่เป็นข่าว แต่อย่างไรก็ตาม ขอให้ช่วยแจ้งเบาะแสความประพฤติของพระภิกษุ สามเณรที่ไม่อยู่ในระเบียบวินัย เพื่อให้ศาสนาพุทธเป็นที่เคารพบูชา และเป็นศาสนาประจำชาติอย่างแท้จริงต่อไป

อีกรายเกิดขึ้นตอนเย็นวันเดียวกัน ตำรวจจังหวัดเลยได้รับแจ้งจากสาย ว่ามีพระภิกษุวัดบ้านฟากนา ต.นาอาน อ.เมืองเลย ลักลอบขายยาบ้าให้แก่บรรดาเยาวชนและนักเรียนในพื้นที่มานานแล้ว และที่สำคัญขณะนี้นั้นพระยาบ้าได้พาสีกามาร่วมเสพยาบ้าในวัดพอดี

ตำรวจจึงรุดไปดำเนินการ

ครู่เดียวกำลังของพ.ต.ท.ธนูศิลป์ มะโรนีย์ รอง ผกก.สส. ภ.จว.เลย จึงไปปิดล้อมวัดบ้านฟากนาทันที ตำรวจกระจายกำลังไปที่กุฏิชั้นเดียวใกล้ประตูทางเข้าวัด และกุฏิที่อยู่ด้านหลังซึ่งเป็นห้องของพระนันทกร เมื่อสายส่งสัญญาณว่าเป้าหมายอยู่กับที่ ตำรวจจึงบุกชาร์จพร้อมกัน พบพระนันทกร เคนวันดี อายุ 33 ปี พระคมกฤช ขันมโร อายุ 20 ปี และนางประภาพร พัดมณี อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28 หมู่ 7 บ้านบลศรีวิไล ต.ดงสวรรค์

อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู กำลังนั่งเสพยาบ้ากันอยู่อย่างสบายอารมณ์

เมื่อทั้งหมดเห็นตำรวจก็ตกใจพยายามวิ่งหนี แต่หนีไปไหนไม่ได้ จึงถูกรวบตัวไว้ได้พร้อมของกลางอุปกรณ์การเสพยาบ้าและยาบ้าบรรจุอยู่ในถุงห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาลจำนวน 100 เม็ด เงินสด 18,900 บาท ไพ่ 1 สำรับ จึงนำตัวพระทั้ง 2 รูปไปให้พระครูปริยัติภัทรากร เจ้าอาวาส ทำพิธีสึกจากความเป็นพระดำเนินคดี

ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ขายยาบ้าให้กับวัยรุ่นย่านนี้มานานแล้ว โดยนางประภาพรจะมารับยาบ้าไปขายทาง จ.หนองบัว ลำภู เป็นประจำ วันเกิดเหตุก็จะมาเอายาบ้าไปขายเช่นทุกวัน แต่มาถูกจับเสียก่อน

ทั้งหมดถูกตั้งข้อหาร่วมกันเสพและจำหน่ายยาบ้าไปพร้อมกัน

เป็นพระแท้ๆ ไม่น่าทำแบบนั้น!!

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook